ครัวเรือนสิงคโปร์เตรียมรับการเปลี่ยนแปลง เมื่อรัฐบาลสั่งขึ้นภาษีสินค้าและบริการ ที่จะมีผลในวันเปิดศักราชใหม่ 1 มกราคมที่จะถึงนี้ ในระหว่างที่รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมจัดหาเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายทางสังคมจากโครงสร้างสังคมผู้สูงวัยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาษีสินค้าและบริการ ซึ่งครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างเพชรพลอย จะปรับเพิ่มขึ้น 1% มาเป็นระดับ 9% ในวันจันทร์ที่ 1 มกราคมปีหน้า ซึ่งเป็นเฟสสองของการปรับขึ้นภาษีของสิงคโปร์ ที่ในปีนี้ปรับขึ้นจากระดับ 7% เป็น 8% ไปแล้ว หลังจากคงภาษีดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลา 15 ปี
การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้มาเพิ่มต้นทุนค่าครองชีพที่สูงลิ่วอยู่แล้วของสิงคโปร์ ทำให้นักการเมืองฝ่ายค้านออกมาเรียกร้องให้ชะลอการขึ้นภาษีดังกล่าว โดยอัตราเงินเฟ้อในสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 3.2% ในเดือนพฤศจิกายน จากระดับสูงสุดที่ 5.5% ในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์จะอยู่ในระดับ 2.5-3.5% ในปี 2024 ที่จะมาถึงนี้
รัฐบาลสิงคโปร์ ย้ำว่าการขึ้นภาษีเป็นสิ่งจำเป็นในการสนับสนุนด้านการเงินของรัฐ ในระหว่างการสิงคโปร์ต้องเตรียมการสำหรับประชากรผู้สูงวัยและต้นทุนด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น โดยสิงคโปร์คาดว่าประชากร 25% ของประเทศจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป ภายในปี 2030
เมื่อเดือนสิงหาคม ลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระบุในสภาสิงคโปร์ว่า “การเลื่อนการขึ้นภาษีออกมาไปมีแต่จะเป็นการสะสมปัญหามากขึ้นในอนาคต และเหลืองบประมาณน้อยลงในการดูแลความต้องการด้านการคลังที่เพิ่มขึ้น”
รัฐบาลสิงคโปร์ ได้มอบความช่วยเหลือทางการคลังให้แก่ครัวเรือนในรูปแบบ “แพคเกจช่วยเหลือ” มูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 259,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือ 200-800 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 5,200-21,000 บาทต่อเดือนให้กับชาวสิงคโปร์ทุกคนในเดือนธันวาคมนี้
ธุรกิจค้าปลีกบางรายให้คำมั่นว่าจะไม่ปรับขึ้นภาษีในช่วงเวลานี้ อย่างอิเกีย (IKEA) ระบุว่าจะรองรับภาษี 1% ที่ปรับขึ้นไปในระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดเมื่อใด ขณะที่เครือซูเปอร์มาร์เก็ต แฟร์ไพรซ์ กรุ๊ป (FairPrice Group) จะรับผลกระทบทางภาษีที่ปรับขึ้นในสินค้าจำเป็น 500 รายการ อย่างเช่น ข้าวและผักต่าง ๆ
- ที่มา: รอยเตอร์