สิงคโปร์ประหารชีวิตนักโทษคนที่สองในรอบสามสัปดาห์ จากคดีลักลอบขนกัญชาเข้าประเทศ ท่ามกลางการเรียกร้องให้ระงับโทษประหารชีวิตสำหรับผู้กระทำผิดในคดียาเสพติด
ชายวัย 37 ปีถูกประหารในวันพุธหลังจากที่ศาลสิงคโปร์ปฏิเสธการอุทธรณ์ของผู้ต้องการผู้นี้ โดยเขาถูกจำคุกเป็นเวลา 7 ปีก่อนที่จะถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อปี 2019 จากคดีที่เขาลักลอบขนส่งกัญชา 1.5 กิโลกรัม
โกกิลา อันนามาไล แห่งองค์กร Transformative Justice Collective ผู้สนับสนุนให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในสิงคโปร์ กล่าวว่า นักโทษผู้นี้พยายามขอให้ศาลเปิดการพิจารณษคดีของเขาใหม่อีกครั้งเนื่องจากพบหลักฐานดีเอ็นเอและลายนิ้วมือที่เชื่อมโยงเขากับกัญชาที่มีปริมาณน้อยกว่าที่เขาถูกตัดสินเอาผิด แต่ศาลปฏิเสธที่จะเปิดการพิจารณาใหม่
ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายสิงคโปร์ ผู้ที่ลักลอบขนส่งกัญชามากกว่า 500 กรัม อาจต้องโทษประหารชีวิต
เมื่อปีที่แล้ว สิงคโปร์ประหารชีวิตนักโทษ 11 คนในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากระงับไปสองปีเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยรายงานระบุว่าขณะนี้มีนักโทษในสิงคโปร์ที่รอการประหารอีกราว 60 คน ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด
เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ทังการาจู ซัปปิอาห์ ชายชาวสิงคโปร์วัย 46 ปี ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเป็นคนแรกของปีนี้ จากคดีลักลอบขนส่งกัญชามากกว่า 1 กก.
องค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ และสหประชาชาติ พยายามเรียกร้องให้สิงคโปร์ยกเลิกโทษประหารในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากมีหลักฐานเพิ่มขึ้นว่าการประหารชีวิตมิได้ช่วยทำให้การกระทำผิดในคดีดังกล่าวลดลงแต่อย่างใด แต่ผู้มีอำนาจในสิงคโปร์ยืนยันว่าโทษประหารเป็นสิ่งจำเป็นในยุทธศาสตร์การป้องกันอันตรายต่อสังคมสิงคโปร์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับยาเสพติดและการกระทำความผิดร้ายแรงต่าง ๆ
นอกจากสิงคโปร์แล้ว องค์การ Amnesty International ระบุว่า อินโดนีเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ใช้โทษประหารอย่างแพร่หลาย โดยเมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียประหารชีวิตนักโทษในคดียาเสพติดถึง 112 คน
ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเพิ่งยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดร้ายแรง ส่วนไทยได้ทำให้กัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศแล้ว
- ที่มา: เอพี