มกุฏราชกุมารซาอุดิอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงให้สัมภาษณ์กับรายการ “60 Minutes” ของ CBS ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ ระบุว่าราคาน้ำมันดิบโลกอาจเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้ หากประชาคมโลกยังไม่ร่วมมือกันสกัดกั้นภัยคุกคามจากอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายซัลมานทรงเน้นย้ำว่า พระองค์ประสงค์ให้ใช้แนวทางทางการเมืองในการจัดการปัญหานี้มากกว่าการใช้กำลังทหาร
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการสังหารนายจามาล คาชอกจี นักข่าวของ วอชิงตัน โพสต์ ที่เสียชีวิตที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบุล เมื่อปีที่แล้ว แต่ทรงตรัสว่าพระองค์ต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำรัฐบาลซาอุฯ
การเสียชีวิตของนายคาชอกจีก่อให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลซาอุฯ ไปทั่วโลก และมีการเพ่งเล็งไปที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ว่าอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เนื่องจากนายคาชอกจีเป็นนักข่าวที่เขียนคอลัมน์วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯ เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม กระแสนี้จางหายไปหลังจากเกิดความตึงเครียดรอบใหม่ในตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์โจมตีล่าสุดต่อสถานที่ผลิตน้ำมันของซาอุฯ เมื่อวันที่ 14 กันยายน โดยโดรนที่สหรัฐฯ และซาอุฯ เชื่อว่าเป็นของอิหร่าน
เจ้าชายบิน ซัลมาน ตรัสกับ CBS ว่า "หากประชาคมโลกไม่มีมาตรการที่เข้มแข็งชัดเจนต่ออิหร่าน เราอาจได้เห็นความขัดแย้งรุนแรงขึ้นซึ่งส่งผลต่อผลประโยชน์ของโลก ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจะลดลง และราคาน้ำมันดิบจะสูงขึ้นอย่างมากอย่างไม่สามารถจินตนาการได้ และอาจสูงสุดเท่าที่เกิดขึ้นในชั่วชีวิตนี้"
อย่างไรก็ตาม มกุฏราชกุมารซาอุดิอาระเบีย ทรงยืนยันว่า ต้องการให้มีแนวทางที่สันติในการแก้ไขเรื่องนี้ เพราะหากเกิดสงครามจะหมายถึงการล่มสลายของเศรษฐกิจโลก
พระองค์ทรงต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์เจรจากับประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซาน รูฮานี เพื่อจัดการข้อพิพาทในตะวันออกกลางและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากที่ความพยายามที่จะนำผู้นำทั้งสองมาพบกันที่การประชุมสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประสบความล้มเหลว