รัฐบาลรัสเซียประกาศในวันจันทร์ว่า กองทัพของตนสามารถทำลายระบบป้องกันตนเองทางอากาศของยูเครนได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี จะออกมาเตือนว่า รัสเซียน่าจะกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนอยู่
ทั้งนี้ ยังไม่มีหน่วยงานหรือรัฐบาลใดออกมายืนยัน คำกล่าวอ้างในความสำเร็จต่อการทำลายระบบป้องกันตนเองทางอากาศของรัสเซียได้ แต่พลตรี อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า กองทัพมอสโกได้ยิงขีปนาวุธแบบร่อนเข้าใส่ฐานยิงอาวุธต่อต้านทางอากาศของยูเครน ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของชานเมืองดนิโปร และที่ตั้งอยู่ในแคว้นมิโคไลฟ และคาร์คีฟ ด้วย
Your browser doesn’t support HTML5
ในวันจันทร์ ปธน.เซเลนสกี ออกมาร้องขอความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรทั้หลาย รวมทั้งขอให้สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ส่งอุปกรณ์มาช่วยยิงขีปนาวุธของรัสเซียด้วย
ขณะเดียวกัน เพนตากอนเปิดเผยในวันจันทร์ด้วยว่า มีการตรวจพบสัญญาณเบื้องต้นว่า รัสเซียกำลังพยายามเสริมทัพที่ประจำอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครนอยู่ โดยอ้างถึงรายงานการขนส่งยุทโธปกรณ์หลายชนิดเข้ามาเสริมกำลังในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ ยังไม่คิดว่า รัสเซียได้ปรับมาเน้นการโจมตีรอบใหม่ต่อยูเครนในเวลานี้ และเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธจำนวน 1,500 ลูกใส่ยูเครนในช่วง 47 วันของการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านนี้ และได้ทำลายอาคารอพาร์ทเมนท์และโรงพยาบาลหลายแห่งลง รวมทั้งได้คร่าชีวิตพลเรือนชาวยูเครนหลายพันคนแล้ว ขณะที่ ฝ่ายรัสเซียยอมรับว่า ตนสูญเสียทหารของตน “ไปมากมาย” แล้ว