กองทัพรัสเซียระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่ใส่อาคารที่อยู่อาศัยและโรงเรียนในหลายเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครนในวันอาทิตย์ ขณะที่ทางการยูเครนประกาศเตือนประชาชนเร่งอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว "ก่อนจะสายเกินไป"
ผู้ว่าการเขตปกครองลูฮันสก์ เซริฮี ฮายดาย กล่าวว่า อาคารอพาร์ตเมนต์สามแห่งในเมืองเซเวโรดอแนตสก์ถูกเผาทำลาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการเขตปกครองดนิโปร ทางตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า กองทัพรัสเซียได้โจมตีใส่เป้าหมายหลายแห่ง ทำให้มีผู้บาดเจ็บหนึ่งคน
เจ้าหน้าที่ยูเครนประกาศจัดทำเส้นทางอพยพเส้นทางใหม่ แต่แสดงความกังวลว่าการโจมตีของรัสเซียที่ทำลายสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองครามาทอร์สก เขตปกครองตนเองดอแนตสก์ เมื่อวันศุกร์ที่แล้วซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 52 คน อาจทำให้ชาวยูเครนจำนวนมากไม่กล้าอพยพออกไปด้วยรถไฟอีก
พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการท้องถิ่นของดอแนตสก์ ระบุว่า กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยใกล้ Tochka U ที่มีระเบิดพวงจำนวนมาก ซึ่งระเบิดขึ้นกลางอากาศและปล่อยระเบิดร้ายแรงไปในวงกว้าง เพื่อสร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนกให้กับประชาชน และมุ่งหมายเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด
ด้านนายกเทศมนตรีเมืองครามาทอร์สก โอเล็กซานเดอร์ ฮอนชาเรนโก ประเมินว่า มีประชาชนอยู่ที่สถานีรถไฟราว 4,000 คน ในช่วงเวลาเกิดเหตุ บางคนต้องสูญเสียแขนขาจากเหตุโจมตี
สื่อ RIA ของทางการรัสเซีย อ้างรายงานจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่ระบุว่า รายงานที่อ้างว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบกับเหตุโจมตีสถานีรถไฟเมืองครามาทอร์สกนั้นเป็นเพียง "การยั่วยุ" ส่วนขีปนาวุธที่โจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สกเป็นของกองทัพยูเครน และกองทัพรัสเซียไม่มีเป้าหมายโจมตีเมืองครามาทอร์สกในวันศุกร์แต่อย่างใด
ผู้นำอังกฤษหารือผู้นำยูเครนที่กรุงเคียฟ
เมื่อวันเสาร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เดินตรวจสอบความเสียหายในท้องถนนภายในกรุงเคียฟในจุดที่เคยตกอยู่ในการครอบครองของรัสเซีย ก่อนที่ทหารรัสเซียได้ถอนกำลังออกไป
นายกฯ จอห์นสัน กล่าวว่า อังกฤษจะส่งยานเกราะ 120 คัน และขีปนาวุธต่อต้านเรือรบอีกหลายชุดไปยังยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนทางทหารให้กับยูเครน
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีเซเลนสกีเน้นย้ำว่า ชาติตะวันตกยังคงไม่ช่วยเหลือยูเครนมากเพียงพอ พร้อมเตือนว่า รัสเซียจะไม่หยุดแค่ยูเครน แต่ประเทศอื่นในยุโรปก็ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียเช่นกัน
ทางด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวกับซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ว่า สหรัฐฯ ได้จัดส่งความข่วยเหลือให้แก่ยูเครนมากที่สุดทั้งในด้านปริมาณและความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และจะยังคงจัดส่งความช่วยเหลือต่อไป
ซัลลิแวน กล่าวว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าทหารรัสเซียได้สังหารหมู่ประชาชนยูเครนจำนวนมากก่อนที่จะถอนกำลังออกจากเมืองต่าง ๆ รอบกรุงเคียฟ เนื่องจากโกรธแค้นที่ไม่สามารถครอบครองพื้นที่รอบเมืองหลวงของยูเครนได้ และว่า ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ คือประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลวอชิงตันจะกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียต่อไป โดยเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียหดตัวลงประมาณ 10-15% ในปีนี้