Your browser doesn’t support HTML5
ผู้เชี่ยวชาญประมาณว่า มีเด็กเล็กและทารกราว 450,000 คนทั่วโลกเสียชีวิตทุกปีจากโรคต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง
เชื้อไวรัสโรต้าเป็นหนึ่งในโรคเหล่านี้ซึ่งก่อให้เกิดอาการอักเสบรุนแรงในระบบย่อยอาหารและลำไส้
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเชื้อไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 37 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีที่ป่วยด้วยอาการท้องร่วงรุนแรงทุกปี หรือเสียชีวิตราว 215,000 คนต่อปี
เเต่ตอนนี้มีวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าชนิดใหม่เรียกว่าวัคซีน BRV-PV ซึ่งหลังจากทดลองกับเด็กในประเทศไนเจอร์ในทวีปแอฟริกาที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งในโลก พบว่ามีประสิทธิภาพเกือบ 67 เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันการเสียชีวิตของเด็ก
กล่าวคือจากจำนวนเด็ก 1,780 คนที่ได้รับวัคซีนโรต้า มีเพียง 31 คนเท่านั้นที่ติดเชื้อโรต้า เเละในกลุ่มเด็กที่ได้รับวัคซีนหลอก มีเด็ก 87 คนป่วยด้วยโรคนี้
รายละเอียดเกี่ยวกับการทดลองและประสิทธิภาพของวัคซีนโรต้าตัวใหม่นี้ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine
ด็อกเตอร์ Emmanuel Baron ผู้อำนวยการแห่ง Epicentre หน่วยงานวิจัยขององค์การแพทย์ไร้พรมเเดน (Doctors Without Borders) ซึ่งทำการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนตัวใหม่ในเด็กที่ไนเจอร์ กล่าวว่า
"จากการทดลองทีมงานพบว่า อย่างเเรก วัคซีนตัวใหม่นี้มีประสิทธิภาพ อย่างที่สอง วัคซีนปลอดภัย และอย่างที่สาม วัคซีนได้รับการยอมรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่บริการสาธารณสุขและครอบครัว"
ด็อกเตอร์ Baron กล่าวว่าในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าใช้กันอยู่สองตัวด้วยกัน แต่มีราคาค่อนข้างเเพงและยุ่งยากต่อการใช้ เพราะต้องเเช่ในตู้เย็นซึ่งขาดเเคลนในประเทศแอฟริกาหลายประเทศที่มีการระบาดของโรคโรต้า ทำให้วัคซีนป้องกันโรคโรต้าที่มีอยู่ไม่นิยมใช้เเพร่หลาย
เขากล่าวว่า "วัคซีนชนิดใหม่ไม่จำเป็นต้องเเช่เย็นได้นานถึง 6 เดือน และเพียงเเค่ผสมกับของเหลวก่อนฉีดให้เด็กรวมทั้งหมด 3 เข็มตามเวลากำหนด เริ่มตั้งเเต่เมื่อเด็กอายุ 6 เดือน 10 เดือนเเละ 14 เดือน"
ในตอนเเรกเริ่ม คาดว่าราคาค่าวัคซีน BRV-PV น่าจะอยู่ที่ 6 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อสามเข็ม และราคาน่าจะลดลงหากวัคซีนได้รับความนิยมมากขึ้น
ด็อกเตอร์ Baron กล่าวว่า "บรรดาแพทย์ในประเทศที่เชื้อไรัสโรต้าเป็นภัยคุกคามสุขภาพที่รุนแรง กำลังรอให้วัคซีนป้องกันโรต้าตัวใหม่นี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ก่อนที่จะสามารถฉีดให้เเก่เด็กเล็กเพื่อป้องกันการเสียชีวิตของเด็กจากโรคนี้"
(รายงานโดย Jessica Berman / เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว)