นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศย้ำว่า อิสราเอลจะเดินหน้าทำสงครามกับกลุ่มฮามาสจนกว่าจะได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จ ขณะที่การสู้รบในฉนวนกาซ่าระหว่างสองฝ่ายดำเนินมาครบ 100 วันแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ด้วยการโจมตีรุนแรงเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ยังคงควบคุมตัวประกันไว้กว่า 100 คนอยู่ ขณะที่ ประชาชนราว 120,000 คนมาชุมนุมกันตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ที่กรุงเทลอาวีฟเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวประกันเหล่านั้นกลับคืนสู่ครอบครัว โดยรวมตัวกันตรงจุดซึ่งมีการตั้งชื่อว่าเป็น “จัตุรัสตัวประกัน” ตรงข้ามกับกระทรวงกลาโหมอิสราเอล อันเป็นบริเวณที่ผู้ประท้วงมักมาชุมนุมกันเพื่อกดดันให้มีการช่วยเหลือตัวประกันตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้น บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ในอิสราเอลพากันร่วมกิจกรรมรำลึกถึงสงครามที่ดำเนินมาถึง 100 วันในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันทำงานในอิสราเอล ด้วยการหยุดทำงานเป็นเวลา 100 นาที
ที่ผ่านมา กลุ่มฮามาสยืนยันว่า จะไม่ยอมร่วมเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันที่เหลือ จนกว่าอิสราเอลจะยุติการโจมตีในกาซ่า หลังมีการปล่อยตัวประกันออกมาแล้วกว่า 100 คนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่มีการหยุดยิงชั่วคราว
Your browser doesn’t support HTML5
และเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น นายกฯ เนทันยาฮู ระบุระหว่างการร่วมแถลงข่าวว่า อิสราเอลจะไม่ย่อท้อแม้จะมีเสียงกล่าวหาว่า อิสราเอลกำลังทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ก็ตาม
“ไม่มีใครที่จะหยุดเราได้ ไม่ใช่แม้แต่กรุงเฮก ไม่ใช่แม้แต่ “แกนแห่งความชั่วร้าย” (Axis of evil) หรือใครทั้งนั้น” เนทันยาฮูกล่าว โดยคำว่า Axis of evil ในที่นี้เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มฮามาสที่เป็นคู่ทำสงครามในกาซ่า รวมทั้งกลุ่มเฮซบอลลาห์ที่มีอิหร่านหนุนหลังและทำการยิงโจมตีใส่อิสราเอลจากเลบานอน และกลุ่มติดอาวุธฮูตีที่ยิงขีปนาวุธและส่งโดรนมาโจมตีเรือพาณิชย์ต่าง ๆ ในทะเลแดงตั้งแต่สงครามครั้งนี้ปะทุขึ้น เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนฮามาส
ทั้งนี้ คำว่า Axis of evil นั้น เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ใช้เรียก อิรัก อิหร่านและเกาหลีเหนือ
คำประกาศของผู้นำอิสราเอลมีออกมาหลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ณ กรุงเฮก เปิดการไต่สวนเป็นเวลา 2 วันเพื่อพิจารณาคำฟ้องของแอฟริกาใต้ว่า อิสราเอลทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่กรุงเทลอาวีฟปฏิเสธและระบุว่า เป็นการสบประมาทและเป็นอาการปากว่าตาขยิบ
อิสราเอลกล่าวว่า สงครามนี้จะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อตนเป็นฝ่ายได้ชัยเหนือฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธมุสลิมที่สหรัฐฯ สหภาพยุโรป อังกฤษและหลายประเทศ ประกาศให้เป็นองค์กรก่อการร้าย แต่ก็เป็นกลุ่มที่ปกครองกาซ่ามาตั้งแต่ปี 2007 และประกาศมั่นที่จะทำลายล้างอิสราเอลให้ได้
ทั้งนี้ คาดกันว่า ศาลโลกจะมีคำตัดสินชั่วคราวออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่แม้คำพิพากษานี้มีผลตามกฎหมายแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบังคับใช้ได้จริง และอิสราเอลเองก็ไม่สนใจคำสั่งใด ๆ ให้มีการหยุดการต่อสู้มาโดยตลอดอยู่แล้ว
ในเวลานี้ อิสราเอลเผชิญกับแรงกดดันจากนานาประเทศให้ยุติสงครามครั้งนี้ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องทุกข์ระทม นอกเหนือจากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขกาซ่าซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของฮามาสระบุว่า ตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นพุ่งสูงเกินระดับ 60,000 คนไปแล้ว
ตามข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ อิสราเอลยังคงโจมตีหนักเข้าใส่พื้นที่ทั่วฉนวนกาซ่าอยู่ และกลุ่มติดอาวุธของชาวปาเลสไตน์ก็ยังเดินหน้ายิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลเช่นกัน
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เปิดเผยด้วยว่า มีโรงพยาบาลหลักเพียง 15 แห่งจากทั้งหมด 36 แห่งในกาซ่าที่เปิดทำการได้ แม้เพียงบางส่วน
ยิ่งไปกว่านี้ โรงพยาบาล อัล-อัคซา มาร์เทอส์ ในภาคกลางของกาซ่าน่าจะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงก่อนสิ้นสุดสัปดาห์นี้ แม้จะมีการรับสำรองเชื้อเพลิงฉุกเฉินบางส่วนจากโรงพยาบาลอื่นมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ หลังต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยให้เครื่องช่วยให้ใจและตู้อบเด็กทารกแรกเกิดทำงานต่อไปด้มาระยะหนึ่ง
ยังไม่มีความชัดเจนว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) จะสามารถนำส่งเชื้อเพลิงให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ตามสัญญาได้หรือไม่ ขณะที่ การขนส่งเสบียงความช่วยเหลือต่าง ๆ ต้องหยุดชะงักเพราะภาวะการติดต่อสื่อสารดับเนื่องจากการยิงถล่มอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล ตามที่บริษัท Paltel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมของกาซ่าประกาศผ่านแพลต์ฟอร์ม เอ็กซ์ (X)
OCHA ระบุในรายงานอัพเดทรายวันด้วยว่า นอกจากกาซ่าจะประสบภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำสะอาดและเชื้อเพลิงแล้ว การดำเนินมาตรการควบคุมเข้มของอิสราเอลต่อภารกิจด้านมนุษยธรรมและการปัดปฏิเสธคำขอต่าง ๆ อย่างทันทีเป็นกรณีที่เกิดบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยมีเพียง 21% ของอาหาร ยา น้ำและเสบียงอื่น ๆ ที่มีการเตรียมจัดส่งเข้าไปทางเหนือของกาซ่าเกิดขึ้นจริง
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีและเอเอฟพี