รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส พบหารือกับบรรดาผู้นำอาเซียนระหว่างการประชุมสุดยอด สหรัฐฯ - อาเซียน (U.S.-ASEAN summit) ที่กรุงจาการ์ตา โดยที่เก้าอี้ของเมียนมาถูกทิ้งให้ว่างไว้เพราะผู้แทนจากรัฐบาลทหารไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมนี้
รองปธน.แฮร์ริส กล่าวในการเปิดประชุมในวันพุธว่า "สหรัฐฯ จะยังคงกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาต่อไปเพื่อให้ยุติความรุนแรงและปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมคุมขังอย่างไม่ถูกต้อง และเพื่อผลักดันการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย" และว่า "เราจะเดินหน้าสนับสนุนแผนฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน" ซึ่งระบุถึงแนวทางในการสร้างสันติภาพและฟื้นฟูประชาธิปไตยในเมียนมา
เก้าอี้ของเมียนมาที่ถูกทิ้งว่างไว้ระหว่างการประชุมครั้งนี้ คือสัญลักษณ์ของการเรียกร้องสันติภาพในประเทศนี้ โดยเมื่อปีที่แล้ว อาเซียนตกลงไม่เชิญผู้แทนของรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมของอาเซียนจนกว่าจะมีความคืบหน้าในการจัดการวิกฤตในเมียนมา
และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ บรรดาผู้นำอาเซียนมีมติไม่ให้เมียนมาดำรงตำแหน่งประธานของกลุ่มตามวาระที่จะมาถึงในปี 2026 โดยฟิลิปปินส์จะรับหน้าที่ประธานอาเซียนแทนในปีนั้น
ในวันพุธ รองปธน.แฮร์ริส เน้นย้ำพันธะผูกพันอันยาวนานของสหรัฐฯ ในการปกป้องสันติภาพและความมั่นคงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโดแปซิฟิก โดยกล่าวว่า "เป็นผลประโยชน์สำคัญยิ่งของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนภูมิภาคนี้ให้มีการเปิดกว้าง เชื่อมโยงกัน ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคง"
รองปธน.แฮร์ริส ยังได้แสดงความยินดีต่อติมอร์-เลสเต ที่เข้าร่วมการประชุมอาเซียนครั้งนี้ในฐานะผู้สังเกตการณ์ และรับปากว่าจะสนับสนุนติมอร์-เลสเต ในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน
การประชุมสุดยอด สหรัฐฯ-อาเซียน ครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่กำลังเกิดความตึงเครียดอย่างสูงในแถบนี้ หลังจากที่จีนเพิ่งตีพิมพ์เผยแพร่แผนที่มาตรฐานฉบับใหม่ประจำปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเหนือดินแดนในพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและทางทะเล สร้างความไม่พอใจให้แก่อินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับวีโอเอว่า รองปธน.แฮร์ริส จะเน้นย้ำอย่างชัดเจนในการประชุมว่า สหรัฐฯ คัดค้านการกล่าวอ้างอย่างไม่ถูกต้องของจีน และกิจกรรมที่เข้าข่ายยั่วยุของจีนในพื้นที่ทับซ้อนต่าง ๆ
ในวันพฤหัสบดี แฮร์ริสจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก หรือ East Asia Summit ต่อทันที โดยจะร่วมหารือกับผู้นำจากอาเซียน จีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ในประเด็นที่ท้าทายภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วย และมีกำหนดเดินทางกลับถึงกรุงวอชิงตันในวันศุกร์นี้
- ที่มา: รอยเตอร์