รัฐบาลทำเนียบเครมลินเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ทำให้อเมริกาเสื่อมเสีย ด้วยการเรียกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่า “คนบ้าสารเลว” (crazy SOB) ตามรายงานของรอยเตอร์
ประธานาธิบดีไบเดน ได้ใช้ถ้อยคำดังกล่าวกับผู้นำรัสเซียระหว่างการระดมทุนหาเสียงเลือกตั้งที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันพุธ โดยเขาได้กล่าวถึงภัยคุกคามโลกในหลายมิติ ซึ่งรวมถึงถ้อยความที่ว่า “ปูตินกับคนอื่น ๆ” ความเสี่ยงต่อความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์และภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผิดธรรมชาติ
ทางดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า “การใช้ภาษาเช่นนั้นกับผู้นำประเทศอื่นที่มาจากปากของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการล่วงเกินประธานาธิบดีของเรา ประธานาธิบดีปูตินที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” และว่า “มันเป็นการดูหมิ่นคนที่ใช้คำแบบนั้นด้วย”
เพสคอฟ กล่าวด้วยว่า “ปธน.ปูตินเคยใช้คำหยาบคายในการกล่าวถึงคุณบ้างหรือเปล่า? สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ดังนั้น ผมคิดว่าการใช้คำแบบนั้นได้ทำให้อเมริกาเสื่อมเสียแล้ว”
ด้านดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียช่วงปี 2008-2012 กล่าวว่าภัยคุกคามต่อโลกนั้นมาจาก “คนแก่ที่ไร้ประโยชน์ เช่นตัวไบเดนเอง” และว่าปธน.ไบเดนเป็น “คนชรา” และ “พร้อมที่จะเริ่มสงครามกับรัสเซีย”
ฝั่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ย้ำในวันพฤหัสบดีว่า ปธน.ไบเดน ยังคงเป็นคนที่เขาเลือกในฐานะผู้นำสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์อยู่ดี แม้ว่า ผู้สื่อข่าวจะถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ปธน.ไบเดนใช้คำพูดว่า “คนบ้าสารเลว” กับเขาก็ตาม
ผู้นำรัสเซียกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “เราพร้อมที่จะทำงานกับผู้นำคนไหนก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าสำหรับเราแล้ว ไบเดนเป็นผู้นำที่ดีกว่าสำหรับรัสเซีย และเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกไปแล้ว ผมพูดถูกอย่างแน่นอน”
ปธน.ปูติน ยังบอกว่า "มันไม่ใช่ว่าเขาจะมาบอกผมว่า ‘โวโลดยา ขอบคุณมาก ทำได้ดีมาก คุณช่วยผมได้มากทีเดียว” และว่า “คุณถามผมว่า ใครดีกว่าสำหรับเรา ผมก็บอกไปแล้ว และผมยังคงคิดว่าผมจะย้ำอีกครั้งว่าไบเดน”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีปูติน ได้กล่าวว่าเขาเลือกไบเดนมากกว่าทรัมป์ ให้เป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป เนื่องจากไบเดน “มีประสบการณ์มากกว่า” และ “คาดเดาได้ง่าย”
ขณะที่หนังสือพิมพ์รัสเซียมอสคอฟสกี คอมโซโมเล็ตส์ (Moskovsky Komsomolets) ระบุว่า “ไบเดนดูถูกปูติน” และอดีตที่ปรึกษารัฐบาลเครมลิน เซอร์เก มาร์คอฟ ให้ทัศนะกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า ชาติตะวันตกพยายามที่จะทำให้ปูตินเป็นผู้ร้าย ก่อนการเลือกตั้งรัสเซียในเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครน การเสียชีวิตของผู้นำฝั่งตรงข้ามรัฐบาลรัสเซีย อเล็กเซ นาวาลนี และการที่สหรัฐฯ ยืนยันว่ารัสเซียมีแผนที่จะนำอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นสู่อวกาศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียดิ่งหนักเข้าขั้นวิกฤตที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
- ที่มา: รอยเตอร์