ทางการฮ่องกงสั่งจำคุก โทนี่ ชุง นักศึกษาวัย 20 ปี ในข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เป็นเวลา 3 ปี กับ 7 เดือน หลังเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่ากระทำผิดต้ามข้อกล่าวหา
ชุง ถูกกล่าวหาว่า ทำการสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน รวมทั้งทำการฟอกเงิน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนักศึกษาที่มีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกรุงปักกิ่งรายนี้บอกกับสื่อท้องถิ่นว่า ตน “ไม่รู้สึกละอายใจแต่อย่างใด”
คำตัดสินสั่งจำคุก ชุง ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ภายใต้อำนาจของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลจีนประกาศใช้ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ทำให้นักศึกษารายนี้กลายมาเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ถูกลงโทษโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายฉบับนี้
โจเซฟ เชิง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ซึ่งเคยใช้ชีวิตในฮ่องกงแต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ นิวซีแลนด์ ให้ความเห็นว่า การสั่งจำคุก ชุง เป็นเวลา 43 เดือนนั้นรุนแรงเกินไป
เชิง ระบุในอีเมล์ซึ่งส่งถึง วีโอเอ ว่า ตน “เชื่ออย่างยิ่งว่า บทลงโทษดังกล่าวมีความรุนแรงเกินไป และดูเหมือนว่า จะมีความตั้งใจที่จะใช้กรณีนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนเกิดความกลัว เพราะแม้ในกรณีของการสนับสนุนการเป็นเอกราช โดยไม่ได้มีหลักฐานว่ามีการลงมือกระทำการใดก็ยังนำมาซึ่งบทลงโทษรุนแรงได้”
ทั้งนี้ ชุง เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ทำหน้าที่ระดมสมาชิกของกลุ่ม Studentlocalism ซึ่งเป็นองค์กรนักศึกษาที่สนับสนุนการประกาศเอกราชจากจีน ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2016
ในระหว่างการไต่สวนคดีในข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงนั้น อัยการระบุว่า ชุง ได้โพสต์ข้อความมากมายทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมการประท้วงเพื่อกำจัดการปกครองของจีนเสีย
ทางการฮ่องกงจับกุม ชุง เมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ที่บริเวณภายนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในฮ่องกง โดยนักศึกษารายนี้ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านการเมืองรายแรกที่ถูกดำเนินคดีภายใต้อำนาจของกฎหมายความมั่นคงฉบับดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ฟินน์ เลา นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงที่ลี้ภัยมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ บอกกับ วีโอเอ ว่า การสั่งจำคุก ชุง นั้นมีแต่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวมากขึ้นในฮ่องกง โดยระบุว่า “การสั่งลงโทษ ชุง จะทำให้นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงที่ลี้ภัยม เช่นตัวเขาเอง ต้องการทำทุกอย่างมากขึ้นเพื่อต่อต้านอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จากทุกจุดทั่วโลก” และว่า การลงโทษ ชุง นั้น “ไม่ได้จะทำให้ชาวฮ่องกงท้อถอยแต่อย่างใด”