ฮ่องกงใช้อำนาจกม.ความมั่นคงฉบับใหม่ลงโทษผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีน

ศาลฮ่องกงใช้อำนาจกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของรัฐบาลจีนเป็นครั้งแรกในการพิพากษาลงโทษผู้ประท้วงต่อต้านกรุงปักกิ่งในข้อหาก่อการร้ายและสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน

ลีออน ทง ยิง-กิต วัย 24 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ขณะถือธงที่มีข้อความว่า “ปลดปล่อยฮ่องกงให้เป็นอิสระ การปฏิวัติของช่วงชีวิตเรา” เข้าชนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อปีที่แล้ว ปฏิเสธไม่ยอมรับผิดต่อทุกข้อหาที่อัยการสั่งฟ้อง

SEE ALSO:

ผู้บริหารฮ่องกงยืนยัน กม.ความมั่นคงฉบับใหม่ไม่น่ากังวล

ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งประกาศใช้มาเมื่อปีที่แล้ว กระบวนการไต่สวนคดีของ ลีออน ต้องเปลี่ยนไปจากอดีต โดยมีการเลือกคณะผู้พิพากษาที่มีสมาชิก 3 รายขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการดูแลคดี โดยไม่ต้องมีคณะลูกขุนอีกต่อไป และหลังจากการไต่สวนเป็นระยะเวลา 15 วัน คณะผู้พิพากษาได้กลับขึ้นบัลลังก์พร้อมคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจริง

รายงานข่าวระบุว่า ในการตัดสินคดีนี้ คณะผู้พิพากษาศาลสูงมุ่งเน้นไปที่ความหมายของข้อความคำขวัญบนธงที่ ลีออน ถือขณะขี่มอเตอร์ไซด์พุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก โดยคำขวัญดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหล่าผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกรุงปักกิ่งนิยมใช้ในการออกมาเดินขบวนเมื่อปี ค.ศ. 2019 แต่ปัจจุบันถูกทางการสั่งห้ามไปแล้ว

เอสเธอร์ โต หนึ่งในผู้พิพากษาที่ดูแลคดีนี้ กล่าวว่า จำเลยตระหนักดีว่า ความหมายของข้อความคำขวัญบนธงที่ตนถือนั้นคืออะไร และศาลพิจารณาแล้วว่า คำขวัญนี้ “มีผลกระทบตามธรรมชาติพอสมควร” ที่จะปลุกระดมผู้อื่นให้ออกมาสนับสนับการก่อการแบ่งแยกดินแดน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ South China Morning Post

รายงานข่าวยังเปิดเผยว่า ลีออน อาจถูกตัดสินลงโทษด้วยการจำคุกตลอดชีวิต หลังศาลประกาศคำสั่งในคดีนี้อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ ขณะที่ ทีมทนายความกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่

อีริค ยาน-โฮ ไหล นักวิเคราะห์กฎหมายและการเมือง และเป็นนักวิชการด้านกฎหมายฮ่องกง ประจำมหาวิทยาลัย จอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน บอกกับ วีโอเอ ระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า คำตัดสินในคดีนี้ “เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง” เพราะผู้พิพากษาไม่ได้พิจารณาความหมายแฝงเร้นของข้อความคำขวัญบนธง ที่ไม่ได้สื่อไปถึงประเด็นการแบ่งแยกดินแดนเลย

นักวิเคราะห์รายนี้ยังชี้ด้วยว่า คำตัดสินของศาลฮ่องกงในคดีนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอันชัดเจนจากหลักกฎหมายจารีตประเพณีของฮ่องกง และแสดงให้เห็นถึงทิศทางอันน่ากลัวสำหรับคดีที่จะถูกพิพากษาภายใต้กฎหมายความมั่นคงในอนาคตด้วย