จำนวนประชากรของฮ่องกงลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 และการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งเป็นผู้ร่างให้
ข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนและสถิติของฮ่องกง ระบุว่า จำนวนประชากรของเขตปกครองตนเองแห่งนี้ลดลงไปราว 89,200 คน หรือ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักข่าว เอเอฟพี ชี้ว่า เป็นสัดส่วนการลดลงที่สูงที่สุดในรอบ 60 ปีเลยทีเดียว
เคซีย์ หว่อง ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการผนวกเอาแนวคิดการเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองเข้าไว้ในผลงานของตน ให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ทางโทรศัพท์ว่า เหตุผลที่ตนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเพราะต้องการจะอยู่ในที่ๆ มี “เสรีภาพทางการแสดงออก 100 เปอร์เซ็นต์” และสำหรับตัวเขาแล้ว “ไต้หวัน เป็นที่ๆ ให้โอกาสเช่นนั้นได้”
หลังจาก หว่อง ได้เห็นรายงานข่าวว่ามีสมาชิกสภาฮ่องนับสิบคนถูกจับกุมภายใต้อำนาจของกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่บังคับใช้มาตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว เขาเริ่มเชื่อว่า “การข้ามเส้น” ในนิยามทางกฎหมายของฮ่องกงมีความกำกวมมากขึ้นจนทำให้เกาะแห่งนี้ไม่น่าอยู่อีกต่อไป
ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาลฮ่องกงกล่าวว่า จำนวนผู้คนที่เดินทางย้ายไปอยู่ที่อื่นซึ่งเพิ่มสูงนั้นไม่จำเป็นว่าจะหมายถึงการย้ายถิ่นฐานเสมอไป เพราะการลดลงของจำนวนประชากรนั้นอาจเกิดขึ้นจากการที่ไม่มีคนย้ายเข้ามาอยู่ก็เป็นได้ ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ South China Morning Post
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินอยู่ในฮ่องกงเช่นกัน อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเลขดังกล่าวหดลง แม้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจะอยู่ที่เพียง 12,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 200 ราย โดยรัฐบาลยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวเฝ้าระวังอาการอย่างเข้มงวดอยู่ด้วย
วีซ่าอังกฤษ
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การที่อังกฤษเสนอสิทธิ์การขอสัญชาติให้กับชาวฮ่องกงเกือบ 3 ล้านคน หลังการประกาศบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนนับหมื่นตัดสินใจละทิ้งฮ่องกงไป
รัฐบาลอังกฤษประเมินไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2026 จะมีชาวฮ่องกงราว 300,000 คนที่ยื่นเรื่องขอย้ายถิ่นฐาน โดยอ้างอิงจากข้อมูลระหว่างเดือนมกราคมและเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ยื่นเรื่องเข้ามาแล้วกว่า 34,000 คน
ชาวฮ่องกงรายหนึ่งบอกกับ วีโอเอว่า เธอเองเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ไต้หวัน หลังถูกตำรวจจับกุมระหว่างเข้าร่วมการประท้วงเมื่อปี ค.ศ. 2019 และทำให้เธอตัดสินใจจากบ้านเกิดมาเพราะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของฮ่องกง และขณะนี้กำลังพิจารณาใช้สิทธิ์ยื่นขอสัญชาติอังกฤษอยู่เช่นกัน
ฮ่องกงที่เปลี่ยนไป
ในช่วงที่ผ่านมา สมาชิกสภาฮ่องกงและนักเคลื่อนไหวจำนวนไม่น้อยถูกยื่นฟ้องภายใต้อำนาจของกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ และบางคนถูกจำคุกไปแล้ว ขณะที่หลายคนสามารถหลบหนีออกนอกประเทศได้สำเร็จ
นอกจากนั้น บรรยากาศทางการเมืองในฮ่องกงที่เปลี่ยนไป ยังกดดันให้กลุ่มภาคประชาสังคมต่างๆ ให้ต้องปิดตัวลง อาทิ กลุ่ม Civil Human Rights Front ที่เป็นโต้โผจัดการชุมนุมตามท้องถนนที่มีผู้มาร่วมมากมายหลายครั้ง เพิ่งยุบตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และสหภาพครู Professional Teachers’ Union ของฮ่องกง ที่ตัดสินใจปิดตัวลง เพราะรัฐบาลฮ่องกงประกาศตัดสายสัมพันธ์และกล่าวหาว่า กลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ร่วมปลุกปั่นกระแสต่อต้านรัฐบาลกรุงปักกิ่งและรัฐบาลฮ่องกงด้วย
