วันหยุดช่วงเทศกาลควรเป็นช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงบันเทิงใจ แต่ก็อาจเป็นเวลาที่น่าปวดหัวทางการเงินได้เช่นกัน ทั้งของขวัญ การรวมตัวสังสรรค์ และการซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไปเยี่ยมครอบครัว ทั้งหมดล้วนถาโถมเข้ามาในช่วงเวลานี้กันทั้งสิ้น
การสำรวจของ AP-NORC ชี้ว่า ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และชาวอเมริกันจำนวนมากแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางการเงินของพวกเขามากขึ้นเช่นกัน
นพ.เปตรอส เลวูนิส ประธานสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (American Psychiatric Association) เปิดเผยกับเอพีว่า “ความกังวลเรื่องการเงินเป็นประเด็นอันดับหนึ่ง ที่กระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลในช่วงเทศกาล”
เอพีมี 9 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการลดความเครียดเรื่องนี้ในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้
กำหนดความคาดหวัง
เทศกาลสำหรับหลายครอบครัวคือการทุ่มมอบของขวัญ แต่นี่อาจทำให้เกิดความเครียดทางการเงินขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งซาราห์ ฟอสเตอร์ นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ทางการเงิน Bankrate.com บอกกับเอพีว่า การกำหนดความคาดหวังของสมาชิกในครอบครัวนั้นสำคัญ “ในช่วงเทศกาล เรามักไม่อยากพูดถึงเรื่องเงิน ไม่อยากบอกว่าของขวัญที่ซื้อมาราคาเท่าไหร่” ดังนั้นการยอมพูดถึงงบที่จ่ายไหวสำหรับของขวัญในแต่ละปีเป็นสิ่งที่ดีที่ควรเริ่มทำ
ทำงบประมาณใช้จ่าย
นพ.เลวูนิส เสริมว่าการตั้งงบประมาณสำหรับเทศกาล “พยายามอย่าจ่ายเกินตัว ทำงบไว้และใช้ตามนั้น การอยู่กับเพื่อนฝูงมีความหมายต่อสุขภาพจิตเรามากกว่าของนอกกายเสียอีก”
แต่การพูดอาจง่ายกว่าลงมือทำ ซึ่ง เทร บอดจ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการช็อปปิ้ง แนะนำกับเอพีว่า หากคุณเป็นคนที่ชอบใช้เงินเกินตัว การกำหนดงบที่ใช้จ่ายเพื่อควบคุมการช็อปถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเขียนรายการของขวัญทั้งหมดและซื้อตามที่เขียนไว้เท่านั้นเวลาช็อป และหากเป็นคนที่ชอบซื้อของขวัญปรนเปรอตัวเอง ก็ควรกำหนดงบไว้ให้ด้วย
หาไอเดียสร้างสรรค์
มีหลายทางเลือกในการจับจ่าย ไม่เพียงแต่การออกไปซื้อหาอย่างเดียว เช่น
ของขวัญทำมือ
เลนา หลิว วัย 30 ปี จากแมสซาชูเซตส์ หันมาทำกำไลข้อมือให้เพื่อน ๆ ในช่วงเทศกาล “เพราะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจและราคาไม่แพงเลย” อีกทั้ง “คนรับยังมองว่าเราเป็นคนทุ่มเทแรงกายและใจในการออกแบบ ซึ่งน่าประทับใจกว่า”
บัตรของขวัญ
แม้จะดูเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผู้รับเท่าใดนัก แต่ฟอสเตอร์ เห็นว่าบัตรของขวัญเป็นแนวทางที่ดีในการควบคุมงบประมาณการจับจ่ายได้ดี
มอบประสบการณ์
บอดจ์ เห็นว่ากระแสคนรุ่นใหม่เลือกให้ของขวัญเพื่อนฝูงเป็นประสบการณ์มากกว่าของขวัญ แต่แนะว่าไม่ควรทุ่มเงินไปกับทริปหรูราคาแพง แต่หากิจกรรมสนุก ๆ ที่จ่ายไหวไว้ทำร่วมกับคนที่เรารักดีกว่า เช่น การเล่นไอซ์สเก็ต เดินป่า เป็นเจ้าภาพทำกับข้าวเลี้ยงเพื่อน หรือจะถ่ายภาพพร้อมทำกรอบรูปสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกสำหรับประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกันก็ได้
ให้เวลา
หากไม่มีงบพอจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวหรือเดินทางไปเยี่ยมเยือนในช่วงเทศกาล การให้เวลากับพวกเขามากขึ้นก็ถือเป็นของขวัญล้ำค่ามากแล้ว ในทัศนะของ นพ.เลวูนิส ดังนั้นลองใช้เวลาวิดีโอคอลไปหาเพื่อน พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายทุกวัน อาจเป็นของขวัญที่ดีสำหรับพวกเขาก็ได้
นำร่องธรรมเนียมของตัวเอง
ความคาดหวังหรือธรรมเนียมที่เคยเติบโตมา ในการซื้อหาของขวัญแพง ๆ ให้ทุกคนในครอบครัว ควรให้มันจบที่รุ่นเรา โดยบอดจ์ เห็นว่า “บางครั้งคุณอาจมีสมาชิกครอบครัวที่ฐานะดีและชอบจะปรนเปรอของใหญ่ของแพงให้ แต่หากคุณไม่ได้อยู่ในสถานะการเงินเดียวกันกับพวกเขา ไม่จำเป็นที่จะต้องมอบสิ่งที่ทัดเทียมให้ก็ได้” แต่การสร้างธรรมเนียมของตัวเองจะช่วยบรรเทาความเครียดในการจับจ่ายเกินตัวมากกว่า
แบ่งภาระรับผิดชอบดูบ้าง
บอดจ์ เสริมว่า การตัดงบประมาณด้วยการเลือกเฟ้นสิ่งของและผู้ให้จะช่วยได้มาก เช่น หากเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้ ก็อาจจะเสนอให้แขกเหรื่อหอบพวกขนม ของว่าง เครื่องดื่ม หรือของหวานมาบ้างก็ได้
สื่อสารความกังวลให้คนใกล้ชิด
หากคุณเผชิญกับปัญหาทางการเงิน การพูดกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอาจช่วยได้
อย่างกรณีของหลิว ที่เผชิญกับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลในปีแรกที่เรียนแพทย์ในปีแรก ไม่กล้บอกครอบครัวเพราะพื้นเพที่เป็นคนจีน เป็นเรื่องยากที่จะบอกเรื่องปัญหาสุขภาพจิตกับคนรอบข้าง แต่ครอบครัวและน้องสาวฝาแฝดของเธอรับฟัง และทำให้เธอก้าวผ่านความยากลำบากมาได้
ไม่กลัวที่จะปฏิเสธบ้าง
ในช่วงเทศกาลที่มีงานเลี้ยงและการมอบของขวัญมากมาย อาจทำให้หลายคนเครียดได้ ซึ่ง นพ.เลวูนิส แนะว่าหากรู้สึกไม่สบายใจในการสื่อสารเรื่องปัญหาการเงินกับครอบครัว ควรหยุดพักการร่วมงานเหล่านี้และจำกัดการบริโภคแอลกอฮอลล์ เพื่อลดภาวะเครียดและวิตกกังวลลงได้
ฝึกพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพการเงิน
ระหว่างที่ความเครียดมีรากฐานมาจากปัญหาการเงิน ความรู้สึกเชิงลบอาจแผ่ออกมาในมิติอื่นของชีวิต และทำให้ยากที่จะมีความสุขในช่วงเทศกาล
นพ.เลวูนิส แนะว่า การหยุดพักจากการสังสรรค์และการจับจ่ายช่วงคริสต์มาส เพื่อหันมาทำอะไรเพื่อตัวเองมากขึ้น เช่นการออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย จำพวกการเดินหรือปั่นจักรยานอาจช่วยได้ นอกจากนี้ การนอนหลับให้เพียงพอก็สำคัญมาก การชัตดาวน์ตัวเองจากอุปกรณ์สื่อสารสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน เป็นสิ่งที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้
พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น
หากยังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตต่อเนื่อง การพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งจำเป็น อย่างในสหรัฐฯ ติดต่อสายด่วน 211 เพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายและปลอดภัยในการติดต่อ
- ที่มา: เอพี