ฤดูกาลช้อปปิ้งส่งท้ายปี อาจเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษของใครหลายคน แต่ก็เป็นช่วงเวลาแสนสาหัสสำหรับเงินในกระเป๋าเช่นกัน ทุก ๆ ปี แรงกดดันก็เพิ่มมากขึ้นในการซื้อหาของขวัญเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้รับ
เทศกาลแห่งสินค้าราคาพุ่งสูงอาจสร้างภาระหนี้จำนวนมหาศาลไว้ให้ดูต่างหน้าได้เช่นกัน อ้างอิงจากข้อมูลการสำรวจประจำปี NerdWallet’s 2022 Holiday Shopping Report ซึ่งพบว่า 31% ของนักช้อปอเมริกันเมื่อปีที่แล้ว ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าของขวัญแทนใจ แต่ไม่อาจใช้หนี้บัตรเครดิตได้ทั้งก้อน
ในปีนี้ หากมีแผนการที่เตรียมไว้อย่างดี อาจสามารถหลีกเลี่ยงภาระหนี้ช่วงเทศกาลช้อปปิ้งได้ แต่หากใช้จ่ายเกินตัวจนต้องมีหนี้บัตรเครดิตติดไปในแต่ละเดือนแล้ว ยังมีหนทางในการลดผลกระทบต่อสถานะการเงินได้เช่นกัน
1. วางแผนการจับจ่าย
เริ่มเขียบงบประมาณและรายการของขวัญที่ต้องซื้อ พร้อมกับรายการสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงช่วงเทศกาลด้วย การใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ให้ส่วนลดหรือติดตามราคาในการช้อปจะช่วยเกาะติดราคาสินค้าที่ต้องการ พร้อมเปรียบเทียบราคาในแต่ละร้านค้า รวมทั้งจัดหาคูปองส่วนลดและได้เงินคืนในการจับจ่ายได้อีกทางด้วย
อย่างไรก็ตาม การช้อปออนไลน์อาจนำไปสู่การจับจ่ายเกินตัว เพราะความสะดวกสบายในการช้อปและประสบการณ์ในการท่องเว็บของร้านค้าปลีกแต่ละแห่งที่พร้อมดูดเงินจากกระเป๋าเราอย่างรวดเร็ว
เอมิลี แรสแซม นักวางแผนการเงินอาวุโสจาก Archer Investment Management ในนอร์ทแคโรไลนา บอกว่า “บริษัทต่าง ๆ พยายามสร้างทางลัดในการซื้อสินค้ามากขึ้น” ดังนั้นการจำกัดการซื้อด้วยการกดของใส่ตะกร้า และทิ้งเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจซื้อเพียงแค่ 1 เดือนต่อครั้ง จะช่วยดึงเวลาให้เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าจำเป็นต้องซื้อหรือไม่
2. ระวังต้นทุนแฝงที่ไม่คาดคิด
อย่าลืมสังเกตรายละเอียดในการจับจ่ายแต่ละครั้ง เช่น ของตกแต่งหรือกระดาษห่อของขวัญ ลองนำกลับมาใช้ซ้ำบ้างเท่าที่ทำได้ มีหลายคนที่เก็บกระดาษหรือถุงห่อของขวัญไว้ในตู้ และนี่คือเวลาที่สิ่งเหล่านี้จะมีคุณค่าอย่างยิ่ง
แต่หากไม่มีและไม่รีบร้อน แรสแซม แนะว่าสินค้ากลุ่มนี้จะลดกระหน่ำมากหลังจากฤดูกาลจับจ่ายจะสิ้นสุดลง
ส่วนนักจัดปาร์ตี้ ต้องเตรียมรับมือกับค่าอาหารที่แพงขึ้นปีนี้ เพราะต้นทุนการทำกับข้าวที่บ้านเพิ่มขึ้น 12.4% ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
เบธ มอนเซล ผู้ก่อตั้ง Budget Bytes แหล่งเรียนรู้การทำกับข้าวในราคาประหยัดทางออนไลน์ แนะให้เลือกทำเมนูง่าย ๆ แบบคลาสสิคที่ใช้วัตถุดิบในราคาไม่สูงนัก “เมนูคลาสสิคนั้นเรียบง่าย ไม่ต้องใช้ส่วนผสมหรูหรา แต่คงความอร่อยไว้ได้เสมอ โดยเฉพาะถ้าคุณใส่เนยเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็อร่อยเลิศ” มอนเซลเสริมว่า “การเพิ่มเนยไปอีกหน่อยเป็นหนทางง่าย ๆ และดีต่อเงินในกระเป๋าในการยกระดับเมนูต่าง ๆ ด้วย”
3. วางแผนเคลียร์หนี้ในช่วงปีใหม่
หลายคนอาจเตรียมแผน New Year New You ซึ่งการเคลียร์ภาระหนี้ก้อนโตควรเป็นหนึ่งในแผนการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่ไร้หนี้ได้ เพียงแค่เขียนมันลงไปในปณิธานปีใหม่เพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจขึ้นมา ลองดูวิธีเหล่านี้
— ลดดอกเบี้ยหนี้บัตรเครดิต: จัดการหนี้ดอกเบี้ยสูงไว้ก่อน ลองศึกษาการปรับโครงสร้างหนี้ไปเป็นการใช้บัตรเครดิตที่สามารถยกยอดไปเดือนหน้าได้ หรือปรับไปเป็นก้อนหนี้ส่วนบุคคลที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า หากสามารถทำได้จะช่วยลดภาระหนี้ที่ค้างคาลงได้
— หั่นค่าใช้จ่ายและทุ่มจัดการหนี้: เริ่มปีใหม่ด้วยการตรวจค่าใช้จ่ายบัตรเคริตอย่างละเอียด รวมทั้งเงินเข้าออกในบัญชีที่มีโอกาสปรับลดลงได้ไม่ยากเย็น เงินออมที่มีจะนำมาใช้หนี้บัตรเครดิตก่อน หากได้รับเงินเป็นของขวัญคริสต์มาสหรือปีใหม่หรือได้โบนัสท้ายปี เอาเงินก้อนนี้ไปโปะหนี้ซะ
— มองหาความช่วยเหลือ: ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและหน่วยงานที่ปรึกษาด้านเครดิตจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร อาจช่วยคุณวาดภาพทางการเงินของตัวเองได้และลงมือทำอย่างตรงจุด มันอาจจะยากในการจัดการปัญหาทางการเงินเพียงลำพัง แต่คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาอาจเป็นการเริ่มต้นที่ดี
4. เริ่มวางแผนสำหรับปีหน้าได้แล้ว
ฮีธ แคร์ล็อก ผู้อำนวยการ Financial Empowerment Center แห่ง Prince George’s Community College ในแมริแลนด์ เล่าถึงความทุ่มเทของแม่ยายในการวางแผนช่วงเทศกาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาระหนี้ที่จะตามมา เขาเล่าว่า “เธอเริ่มเก็บเงินสำหรับช่วงเทศกาลปลายปีตั้งแต่วันปีใหม่เลย และเริ่มซื้อของขวัญคริสต์มาสตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้ว”
แคร์ล็อก แนะว่า นักช้อปควรฉวยโอกาสจากการลดกระหน่ำตลอดปี หากรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีของลดราคา จงรอเวลาก่อนที่จะซื้อ และการกระจายการจับจ่ายจะช่วยให้มีเวลาเปรียบเทียบร้านค้า หาข้อเสนอที่ดี และเลี่ยงโอกาสที่หนี้บัตรเครดิตจะท่วมตัวได้อย่างรวดเร็ว
- ที่มา: เอพี