หลังจากการประกาศถอนตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากการชิงชัยตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยหน้า และหันไปสนับสนุนรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ให้ลงแข่งแทนตนเอง คำถามสำคัญที่ปกคลุมบรรยากาศการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในขณะนี้คือ ใครที่จะลงสมัครคู่กับเธอ
รายงานระบุว่า ขณะนี้คณะหาเสียงของแฮร์ริสได้ขอให้อดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เอริค โฮลเดอร์ และคณะทำงานด้านกฎหมายของเขา ตรวจสอบประวัติของรายชื่อแคนดิเดตในพรรคเดโมแครตที่อาจได้รับเลือกให้ลงสมัครคู่กับคามาลา แฮร์ริส ในตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อแข่งขันกับคู่ของโดนัลด์ ทรัมป์ และ เจ ดี แวนซ์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกัน
โดยผู้ที่อยู่ในข่ายนั้นรวมถึงผู้ว่าการรัฐ 5 คน และ สว.อีก 1 คน ได้แก่ สว.มาร์ค เคลลี จากรัฐแอริโซนา, รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ธแคโรไลนา, แอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี, เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน, ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐแอริโซนา และจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย อ้างอิงจากรายงานของสื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัล
วิลเลียม แกลสตัน นักวิชาการแห่งสถาบัน Brookings กล่าวกับวีโอเอว่า "ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบประวัติแล้วน่าจะได้คุยกับรองปธน.แฮร์ริสแบบตัวต่อตัว และคาดว่า เธอจะตัดสินใจเลือกผู้สมัครคู่กันในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต"
Your browser doesn’t support HTML5
ปัจจัยด้านเชื้อชาติและภูมิศาสตร์
โจเอล เค โกลด์สทีน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่ง St. Louis University School of Law เชื่อว่า ในฐานะที่เป็นสตรีผิวดำและมีเชื้อสายเอเชียใต้ คาดว่า แฮร์ริสน่าจะเลือกชายผิวขาวเป็นผู้สมัครคู่กัน
ความสมดุลด้านภูมิศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกัน เจย์ เชน หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมาธิการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต วิเคราะห์ว่า เนื่องจากแฮร์ริสนั้นมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นฐานคะแนนหลักของเดโมแครตอยู่แล้ว เธอจึงอาจต้องการดีงผู้ที่จะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงในรัฐแถบตอนกลางประเทศหรือทางภาคตะวันออกที่เป็น สวิง สเตท (swing state) เช่น รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน หรือรัฐจอร์เจีย มาลงคู่กันเพื่อสร้างสมดุลในกับฐานเสียง
แต่อาจารย์โกลด์สทีน เห็นต่างว่า "ในอดีตนั้นความสมดุลด้านภูมิศาสตร์อาจถือเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้มากที่สุดสำหรับผู้ลงสมัคร แต่ปัจจุบันแนวคิดนี้อาจมีความสำคัญไม่ต่างจากการคิดคำนวณในด้านอื่นด้วย"
แคนดิเดตเชื้อสายยิว?
หนึ่งในผู้ที่อยูในรายชื่อแคนดิเดตผู้สมัครคู่กับแฮร์ริส คือ จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิที่แฮร์ริสจำเป็นต้องชนะให้ได้หากต้องการเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
อย่างไรก็ตาม จอห์น คิง หัวหน้าทีมงานผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น กล่าวว่า "ชาปิโรนั้นมีเชื้อสายยิว ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงบางอย่างหากมีชื่อเขาลงสมัครคู่กัน"
หลายความเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างชี้ว่า แฮร์ริสอาจลังเลที่จะเลือกชาปิโรให้ลงสมัครคู่กับเธอ เนื่องจากเขาเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันซึ่งอาจบั่นทอนคะแนนเสียงในหลายรัฐที่มีกระแสการต่อต้านนโยบายการสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามในกาซ่า
ทั้งนี้ สามีของคามาลา แฮร์ริส คือ ดักกลาส เอมฮอฟฟ์ ก็มีเชื้อสายยิวเช่นกัน และที่ผ่านมา อเมริกายังไม่เคยมีประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีที่มีเชื้อสายยิวมาก่อนเลย
จับคู่พลังหญิง?
เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน คือสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่มีชื่ออยู่ในข่ายผู้ที่อาจลงสมัครร่วมกับแฮร์ริส ซึ่งหากเป็นจริง ทั้งคู่จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีคู่แรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งปธน. และรองปธน.
อย่างไรก็ตาม วิทเมอร์ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นของมิชิแกนในวันจันทร์ว่า เธอจะไม่ไปไหน
ก่อนหน้านี้ เคยมีสตรีเพียงคนเดียวที่ลงสมัครชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ คือ ฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2016 ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ไปอย่างฉิวเฉียดในตอนนั้น
บุคคลนอกวงการการเมือง
นอกจากนี้ มีการคาดหมายว่าแฮร์ริสอาจตัดสินใจเลือกบุคคลนอกการเมืองมาลงสมัครคู่กับเธอ เช่น อดีตนายพลที่เกษียณแล้ว เพื่อสร้างเสียงสนับสนุนในกลุ่มประชาชนแนวคิดอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องการให้ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี
แต่อาจารย์โกลด์สทีน แห่ง St. Louis University School of Law ไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ปี 1940 เป็นต้นมา ผู้ที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นล้วนเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา ผู้ว่าการรัฐ หรือตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทั้งสิ้น
- ที่มา: ห้องข่าววีโอเอ