Your browser doesn’t support HTML5
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน เริ่มทำให้แผนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมของรัฐบาลต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้กลับมาเฉลิมฉลองเทศกาลรื่นเริงสำคัญๆ อีกครั้งกำลังจะกลายเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้อีกครั้งแล้ว
ขณะที่การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตโควิด-19 ทั่วโลก การค้นพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศกำลังกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่กำลังจะดับฝันของผู้คนหลายล้านทั่วโลกซึ่งหวังจะได้กลับมาร่วมบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลสิ้นปีต้อนรับปีใหม่อีกครั้งแล้ว
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมืองใหญ่ๆ หลายเมืองในยุโรปตัดสินใจประกาศยกเลิกกิจกรรมจุดพลุฉลองปีใหม่ไปแล้ว ขณะที่ บางประเทศกำลังเริ่มกลับมาดำเนินมาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดอีกครั้ง และชาวจีนนับพันล้านคนกำลังอาจจะต้องผิดหวังที่ไม่ได้ฉลองเทศกาลตรุษจีนเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วย
วันตรุษจีนซึ่งตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของปีหน้า เป็นวันที่หยุดที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด โดยจะเป็นวันที่คนจีนทั่วประเทศเดินทางข้ามเมืองกลับไปฉลองเทศกาลประจำปีนี้กับครอบครัว แต่แผนการที่ต้องถูกระงับติดต่อกันมา 2 ปี ส่อแววล่มอีกครั้งหลังคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จะมีการดำเนินมาตรการจำกัดการเดินทาง และยกระดับยุทธศาสตร์การป้องกันโควิดให้เข้มข้นขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนในเมืองที่รายงานการระบาดของโควิด-19 ให้ระงับการเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีนและเทศกาลวันหยุดฤดูใบไม้ผลิเสีย ตามแผนงานยุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” ที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการอย่างเต็มที่ในช่วงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งจะมีนักกีฬาจากทั่วโลกมาเข้าร่วม ขณะที่การระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนน่าจะรุนแรงขึ้นไปอีก
อนึ่ง แผนงานของจีนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใด เมื่อหันมาดูนโยบายของหลายประเทส เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ที่ประกาศยกระดับการป้องกันการระบาดแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมของตนไปไม่นาน หรือกรณีของกรุงปารีสซึ่งสั่งยกเลิกงานฉลองปีใหม่บนถนน ฌ็อง เซลิเซ่ ไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้น อิตาลียังเพิ่งประกาศยกเลิกกิจกรรมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่กรุงโรม และอีกหลายเมืองเริ่มดำเนินมาตรการจำกัดต่างๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ ไอร์แลนด์เริ่มดำเนินมาตรการเคอร์ฟิวห้ามร้านอาหารและบาร์ให้บริการหลัง 20 นาฬิกา ตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลของการแพร่กระจายของเชื้อโอมิครอน
ส่วนที่เนเธอร์แลนด์นั้น ทั้ง ซีเอ็นเอ็น และหนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลเพิ่งประกาศดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ และห้ามร้านค้าธุรกิจต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน รวมทั้ง บาร์ และร้านอาหารเปิดให้บริการ และจำกัดการรวมตัวภายในอาคารไม่ให้เกิน 2 คน ไม่ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาใดๆ พร้อมสั่งปิดโรงเรียนและการจัดกิจกรรมนอกหลักสูตรทั้งหลาย ตั้งแต่เวลา 5 นาฬิกาของวันอาทิตย์ไปจนถึงประมาณกลางเดือนมกราคมเช่นกัน
สำหรับที่สหรัฐฯ นั้น เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างข้อความทวีตจาก เจน ซากิ โฆษกทำเนียบขาวว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะออกมาแถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าการต่อสู้กับโควิด-19 ในวันอังคาร ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ไบเดน จะประกาศขั้นตอนใหม่ๆ ในการช่วยเหลือชุมชนต่างๆ เพื่อรับมือกับการระบาด และจะมีการออกคำเตือนเกี่ยวกับภาพรวมของฤดูหนาวนี้ โดยเฉพาะสำหรับชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย
นอกจากแผนงานของภาครัฐแล้ว สถาบันการศึกษาหลายแห่งในสหรัฐฯ เปิดเผยการปรับตัวรับมือกับโควิด-19 ใหม่เช่นกัน อาทิ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่จะเริ่มกลับมาทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เป็นหลักในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคม และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่จะทำการเรียนการสอนในไตรมาสฤดูหนาวแบบออนไลน์ รวมทั้งบังคับให้นักศึกษาต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ภายในสิ้นเดือนมกราคม เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายการวาไรตี้ชื่อดังอย่าง Saturday Night Live ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีซี (NBC) เปิดเผยว่า จะไม่มีการอนุญาตให้ผู้ชมเข้าร่วมการบันทึกเทปในสัปดาห์นี้ พร้อมกับจะดำเนินการจำกัดจำนวนผู้ร่วมรายการและทีมงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนผู้จัดงาน Christmas Spectacular Starring the Radio City Rockettes ในมหานครนิวยอร์ก ก็ประกาศยกเลิกการจัดงานในส่วนที่เหลือของฤดูการนี้ไปแล้ว เช่นเดียวกันกับการแสดงบางรายการในแถบบรอดเวย์ เพราะความกังวลจากการระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ดี ผู้จัดงานนับถอยหลังสู่วันขึ้นปีใหม่ที่บริเวณไทม์สแควร์ของนิวยอร์ก ยืนยันว่า จะเดินหน้าจัดงานเหมือนเดิม โดยจะจำกัดให้เฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเข้าร่วม
ทั้งนี้ รายงานขององค์การอนามัยโลกในวันเสาร์ ระบุว่า มีการพบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแล้วใน 89 ประเทศ ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสองเท่า ทุกๆ 1 วันครึ่ง-3 วัน โดยการแพร่ระบาดของโอมิครอนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วแม้แต่ในประเทศที่ระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนที่สูง