Your browser doesn’t support HTML5
สำหรับคนที่ต้องการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การหาของกินที่มีประโยชน์ อาจจะดูเหมือนทำได้ง่าย แต่การเลือกชนิดอาหารที่เราคิดว่าดี อาจไม่ตรงกับสิ่งที่นักโภชนาการเห็นว่ามีประโยชน์
หนังสือพิมพ์ The New York Times ร่วมทำสำรวจกับบริษัททำโพลล์ Morning Consult เพื่อถามความคิดเห็นของนักโภชนาการกว่า 100 คน
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญถูกนำมาเปรียบเทียบกับความคิดของกลุ่มตัวอย่างประชากรอเมริกัน โดยผู้ทำสำรวจนำอาหาร 52 รายการให้ทั้ง 2 กลุ่มดู แล้วให้ระบุว่าอาหารแต่ละชนิดดีต่อสุขภาพแค่ไหน
ผลการเปรียบเทียบพบว่าทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไปในทางเดียวกันเรื่องประโยชน์จาก แอปเปิ้ล ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว “เคล” ที่ดีต่อสุขภาพ และโทษของอาหารจำพวกน้ำอัดลม เฟรนช์ฟราย คนส่วนมากก็มองว่าไม่ดี
แต่ก็มีอาหารบางชนิดที่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญกับคนทั่วไป ไม่ไปในทางเดียวกัน
ร้อยละ 71 ของคนอเมริกันทั่วไปเข้าใจว่า ขนมผสมธัญพืช “กราโนลา” ดีต่อสุขภาพ แต่นักโภชนาการเพียง 28 % บอกว่าขนมประเภทนี้มีประโยชน์ นอกจากนั้น ไอศกรีมโยเกิร์ต ก็ยังถูกมองว่าดีต่อสุขภาพโดยคนทั่วไปมากกว่าผู้เชี่ยวชาญ โดยอาหารพวกนี้มีการเติมน้ำตาลในปริมาณสูง
ในขณะเดียวกัน เต้าหู้ ซูชิ ฮัมมัส หรือเครื่องจิ้มทำจากถั่ว ไวน์ กุ้ง และธัญพืช “คีนัว” ต่างก็ถูกมองว่าค่อนข้างดีต่อสุขภาพโดยนักโภชนาการมากกว่าคนทั่วไป โดยคาดว่าความเข้าใจไม่ตรงกันนี้ เป็นเพราะสื่อพูดถึงอาหารจำพวกนี้หลากหลายมุมมองที่บางทีก็ขัดกัน จนเกิดความงง
สำหรับนักโภชนาการก็ยังมีทัศนะคติที่ขัดกันเองเมื่อพูดถึง สเต็ก เชดดาชีส นมสด เนื้อหมูติดซี่โครง ซึ่งมีไขมันเยอะ เพราะเรื่องปริมาณโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพยังคงต้องมีการศึกษาต่อไป
แม้แต่ในสาขาวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ เพราะฉะนั้นความไม่เข้าใจของผู้บริโภคจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารมีความสำคัญกว่าการเลือกชนิดอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาสหรัฐ ได้ประกาศใช้ฉลากสินค้ารูปแบบใหม่ที่แยกแยะความแตกต่างระหว่างปริมาณน้ำตาลที่เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ กับปริมาณน้ำตาลที่ใส่เสริมในอาหารอย่างชัดเจน
เมื่อถามนักโภชนาการว่าพวกเขาทานอาหารมีประโยชน์ไหม 99% ตอบว่ากินอาหารที่มีประโยชน์ และ 25% อธิบายต่อว่าชอบทานอาหาร Mediterranean
และเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญและคนทั่วไปตอบเหมือนกันบ่อยที่สุด คือพวกเขาไม่ได้มีกฎการรับประทานหรือสร้างข้อจำกัดให้กับตนเองสำหรับการรับประทานอาหารเลย