การระบาดของ 'ไข้หวัดใหญ่' มาพร้อมเทศกาลแข่งขันกีฬารายการใหญ่ในสหรัฐฯ

Superbowl halftime show in San Francisco, California as the Super Bowl 50 football game is being played

แพทย์สหรัฐฯห่วงวิกฤตไข้หวัดเลวร้ายขึ้นจากการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ในประเทศ

Your browser doesn’t support HTML5

ไข้หวัดใหญ่และการแข่งขันกีฬาในสหรัฐฯ

นอกเหนือจากการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล "ซูเปอร์โบวล์" แล้ว ที่สหรัฐฯยังมีโปรแกรมการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ ที่จ่อรอคิวอีกหลายรายการด้วยกัน

แต่จากสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดที่ลุกลามรุนแรงที่สุดในรอบ 9 ปีของสหรัฐฯ ทำให้บรรดาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดออกมาเตือนผู้ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าชมเกมการแข่งขันที่สนามจริงๆนั้น มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดที่ระบาดหนักในตอนนี้ได้

ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ ศึกคนชนคน “ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 52” ระหว่างฟิลาเดเฟีย อีเกิลส์ ปะทะ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ซึ่งสนามยูเอส แบงค์ สเตเดียม เนรมิตพื้นที่บางส่วนให้เป็น Super Bowl Experience ที่ได้เด็กและเยาวชนได้ฝึกฝนการเล่นอเมริกันฟุตบอลกันจริงๆ รวมทั้งผ่านเทคโนโลยีความจริงเสมือน หรือ VR

และมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่ไปรวมตัวกันล่วงหน้าที่นั่น ก่อนการแข่งขันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น

แต่จากวิกฤตไข้หวัดใหญ่ที่นับว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 9 ปีของสหรัฐฯ ผู้ปกครองจำนวนมากกังวลถึงการให้เด็กๆ เข้าร่วมชมการแข่งขันเหล่านี้ เพราะอาจทำให้บุตรหลานติดเชื้อไข้หวัดได้ง่ายขึ้น แม้เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาด และฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ร่วมกันในพื้นที่แล้วก็ตาม

คริส เอรสมันน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด หรือนักระบาดวิทยาของสาธารณสุขในรัฐมินนิโซตา ออกมาแสดงความกังวลว่า ผู้ที่เข้าร่วมชมการแข่งขันในสนามจริง หรือแม้กระทั่งในงานปาร์ตี้ชมเกมการแข่งขันกับผู้คนจำนวนมาก ต่างมีความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคกันทั้งสิ้น เพราะการแพร่เชื้อนั้นเกิดขึ้นได้ โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้เลยว่าตนมีเชื้อไข้หวัดใหญ่ผ่านการไอและจามทั่วๆไป

ขณะที่ ดร. เจฟฟ์ คว็อง จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ในโตรอนโต บอกด้วยว่า กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในการติดเชื้อไข้หวัด คือ เด็กและผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป คนสูงอายุที่ติดเชื้อหรือล้มป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ในตอนนี้ มีความเสี่ยงของภาวะหัวใจวายด้วย

ดังนั้นทางที่ดี คือ กันไว้ดีกว่าแก้ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน เนื่องจากตอนนี้ชาวอเมริกันจำนวนมากยังนิ่งนอนใจไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ก็เหมือนกับไข้หวัดธรรมดา

รายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC รายงานว่า มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดในอัตราที่สูงใน 42 รัฐทั่วประเทศ อัตราเฉลี่ยของผู้ป่วย 1 ใน 14 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการไข้หวัดทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นวิกฤตไข้หวัดที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่วิกฤตไข้หวัดหมูเมื่อปี 2552

โดยขณะนี้ มีรายงานว่าสถานพยาบาลหลายแห่งในอเมริกาประสบปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์และเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงถึงสาเหตุของการระบาดที่ร้ายแรงกว่าปีก่อนๆ ในหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งช่วงเวลาการระบาดที่เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ จากเดิมที่มักระบาดในเดือนกุมภาพันธ์ แต่กลับพบการระบาดตั้งแต่เดือนมกราคม

รวมทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งปีนี้เป็นวัคซีนที่ป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 แต่ทาง CDC พบว่าวัคซีนในฤดูกาลนี้กลับสามารถป้องกันกับติดเชื้อไข้หวัดได้เพียงร้อยละ 30 เท่านั้น