ผลการสำรวจชื่อ Survey of Fitness Trends สำหรับปี พ.ศ. 2561 ระบุว่าการออกกำลังกายแบบที่เรียกว่า High Intensity Interval Training หรือที่มีชื่อย่อเรียกว่า HIIT จะเป็นเรื่องที่วงการฟิตเนสให้ความสนใจมากที่สุดในปีนี้
โดย High Intensity Interval Training หรือ HIIT นี้ หมายถึงรูปแบบการออกกำลังที่สลับกันระหว่างการโหมเร่งช่วงสั้นๆ และตามด้วยการพักเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว ตัวอย่างเช่น การวิ่งด้วยความเร็วปานกลางสลับกับการเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเป็นเวลา 30 วินาที และตามด้วยการชะลอความเร็วเพื่อพักกล้ามเนื้อ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คำเตือนเกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบสลับเร็วช้านี้คือควรระวังเรื่องการบาดเจ็บและไม่ควรหักโหมเกินกำลัง
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำด้วยว่า ก่อนเริ่มการออกกำลังกายแบบนี้ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเสียก่อน
แนวทางแนะนำเรื่องการออกกำลังกายของสหรัฐฯ ขณะนี้ ระบุว่า ผู้ใหญ่ควรใช้เวลากับกิจกรรมออกกำลังกายระดับปานกลาง 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์สำหรับการออกกำลังกายอย่างแข็งขันกระฉับกระเฉง
นอกจากแนวโน้ม อันดับ 1 คือการออกกำลังกายแบบสลับเร็วช้า หรือ HIIT นี้แล้ว แนวโน้ม อันดับ 2 ของการออกกำลังกายในปีนี้คือ Group Training หรือ การออกกำลังกายหมู่หรือเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเข้าร่วมมากกว่าห้าคน
ในขณะที่การใช้เทคโนโลยีประเภทสวมใส่หรือ Wearable Technology อย่างเช่น smart watch หรือเครื่องจับระยะการเดินและการเผาผลาญพลังงานนั้น เป็นแนวโน้มซึ่งได้รับความสนใจเป็น อันดับ 3
ส่วน Body Weight Training หรือการใช้น้ำหนักตัวเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายแบบออกแรงต้าน เช่น การวิดพื้นหรือการยึดข้อ มาเป็น อันดับ 4
และ Strength Training เพื่อการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก หรือการยกบาร์เบล เป็นแนวโน้ม อันดับ 5
นอกจากแนวโน้มรูปแบบการออกกำลังกายทั้งห้าแบบ ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่สนใจในปีนี้ตามผลการสำรวจแล้ว แนวโน้มอื่นๆ ที่อยู่ใน 20 อันดับแรกของการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์ของร่างกาย ได้แก่ การสร้างความแข็งแกร่งของกลุ่มกล้ามเนื้อหลัก หรือ Core Work Training เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อทรวงอก และกล้ามเนื้อหลัง
รวมทั้งการฝึกออกกำลังกายสำหรับกีฬาเฉพาะประเภท
แนวโน้มที่น่าสนใจอีกอย่างของการออกกำลังกายในปีนี้ ก็คือการที่ Fitness Center หรือสถานออกกำลังกายต่างๆ เปิดรับคนวัยทองมากขึ้น
เพราะโดยปกติแล้วกลุ่มลูกค้าสำคัญของ Fitness Club คือผู้ที่มีอายุระหว่าง 25 ถึง 35 ปี แต่ในขณะที่กลุ่มคนวัยทองให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพตนเองและออกกำลังกายมากขึ้น Fitness Club ต่างๆ จึงหันมาปรับแต่งบรรยากาศ ซึ่งรวมทั้งเสียงเพลงและไฟ ในช่วงเวลาที่ลูกค้าวัยหนุ่มสาวไม่ได้ใช้บริการ เพื่อให้น่าดึงดูดและสามารถต้อนรับลูกค้ากลุ่มคนวัยทองมากขึ้นนั่นเอง