สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติในเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือมูลค่า 484,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินกู้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมทั้งการทดสอบการติดเชื้อโควิด-19
สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ มีมติ 388 ต่อ 5 ผ่านร่างกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณก้อนโต ที่ป็นส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือโควิด-19 มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่สภาคองเกรสอนุมัติมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว และมีวงเงินสูงขึ้น รวมทั้งยังมีรายละเอียดให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนที่มากขึ้นกว่าข้อเสนอดั้งเดิมจาก มิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในสภาฯ ที่เสนอต่อสภาล่างเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
จากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อยังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ จุดประสงค์เบื้องต้นของแผนช่วยเหลือล่าสุดนี้คือ การนำไปใช้สำหรับโครงการ Paycheck Protection Program ที่เป็นแหล่งเงินกู้ยืมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเอาไปใช้เป็นค่าจ้างและเงินเดือนเท่านั้น ด้วยวงเงิน 210,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะใช้ได้หลังวงเงินช่วยเหลือก้อนแรกมูลค่า 349,000 ล้านดอลลาร์หมดลง รวมทั้งการนำไปช่วยโรงพยาบาลต่างๆ ทำการทดสอบการติดเชื้อในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวงเงิน 75,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนั้น ยังมีการกันวงเงิน 30,000 ล้านดอลลาร์ไว้สำหรับธนาคารและเครดิตยูเนี่ยนที่มีรัฐบาลเป็นผู้รับประกัน และมีสินทรัพย์มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งวงเงินอีก 30,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับสถาบันการเงินแบบเดียวกันที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ด้วย
แผนช่วยเหลือนี้ ยังมีวงเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุดทดสอบและการเพิ่มการทดสอบการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
แม้กฎหมายรองรับแผนช่วยเหลือฉบับใหม่นี้ มีการระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ต้องประกาศแผนช่วยเหลือรัฐต่างๆ ให้มีความสามารถมากขึ้นในการทดสอบการติดเชื้อด้วย รายงานข่าวระบุว่า แผนช่วยเหลือล่าสุดไม่ได้ออกมาเพื่อพยุงฐานะทางการเงินของรัฐบาลประจำรัฐทั้งหลาย แม้ผู้ว่าการรัฐต่างๆ จะใช้เงินและทรัพยากรของรัฐของตนไปในการรับมือกับการระบาดมากมาย ขณะที่รายได้รัฐหดหายก็ตาม
อย่างไรก็ดี สส. แมคคอนเนล กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า รัฐใดที่มีปัญหาสถานะทางการเงินย่ำแย่มาก ก็ควรพิจารณาประกาศภาวะล้มละลาย มากกว่ามาพึ่งรัฐบาลกลาง