งายวิจัยล่าสุดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ว่า ไฮดรอกซ์คลอโรควีน หรือ ยาต้านมาลาเรีย ไม่ได้มีประโยชน์ด้านการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เลย และอาจทำให้มีความเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้นด้วยซ้ำ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วว่า ยาต้านมาลาเรียน่าจะเป็นทางออกทางหนึ่งในการสู้กับการระบาดของโควิด-19 และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง ที่ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า การลองใช้ยาตัวนี้ ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย และยานี้อาจเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” สำหรับศึกสู้การระบาดใหญ่ทั่วโลก สำหรับคนหลายคนด้วยซ้ำ
แต่หน่วยงานด้านกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ร่วมกับนักวิจัยได้ศึกษาประโยชน์ของยาต้านมาลาเรียกับผู้ป่วยโควิด-19 368 คน และสรุปว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองนี้มีอาการแย่กว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้ ไฮดรอกซ์คลอโรควีน
ผลการวิจัยยังชี้ด้วยว่า กว่า 27 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาตัวนี้อย่างเดียวเสียชีวิต และ 22 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านมาลาเรียคู่กับยาปฏิชีวนะ แอซิโทรไมซิน เสียชีวิตลงเช่นกัน ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิต 11.4 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ใช้ยาทั้งสองตัวนี้
แต่ผู้ทำการวิจัยย้ำว่า การศึกษานี้เป็นการเฝ้าระวังอาการเต็มรูปแบบ และไม่ใช่การสุ่มจ่ายยา หรือให้ยาหลอก (placebo) หรือ การรักษาปลอมที่ดูคล้ายยา แต่ไม่ได้มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นมาตรฐานการทดลองที่ใช้ในการพิสูจน์ประสิทธิภาพของยาใหม่ๆ นอกจากนั้น ผลการวิจัยนี้ไม่ได้มีการนำส่งให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบ หรือตีพิมพ์ในวารสารวิชาการใดๆ ด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมงานวิจัยซึ่งมีผู้ที่มาจากมหาวิทยาลัยแห่งเวอร์จิเนีย และมหาวิทยาลัยแห่งเซาธ์ แคโรไลนา และสำนักงานกิจการทหารผ่านศึกในเมืองโคลัมเบีย รัฐเซาธ์ แคโรไลนา ยืนยันว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นหลักๆ กับผู้ที่ใช้ยาต้านมาลาเรียจริงๆ และผลศึกษานี้คือสิ่งที่ชี้ว่า ควรมีการทดสอบการใช้ยาตัวนี้เพื่อรักษาผู้ป่วยในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมตามมาตรฐานปฏิบัติทั่วไป ก่อนที่จะแนะนำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใช้อย่างกว้างขวางต่อไป
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าวรายวันที่ทำเนียบข่าว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวถามปธน.ทรัมป์ เกี่ยวกับผลการศึกษานี้ และผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลเสียของ ไฮดรอกซ์คลอโรควีน แต่จะลองตรวจสอบดูหลังจากนี้
