'จีน-เวียดนาม' ลงนาม 14 ฉบับ สร้างรางรถไฟยันขายทุเรียนและเนื้อจระเข้

ประธานาธิบดีเวียดนาม โต แลม เข้าร่วมพิธีลงนามในข้อตกลงกับจีน ที่หอประชุมใหญ่ประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง วันที่ 19 สิงหาคม 2024

จีนและเวียดนามร่วมลงนามในข้อตกลง 14 ฉบับในวันจันทร์ ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างรางรถไฟข้ามพรมแดนไปจนถึงการซื้อขายเนื้อจระเข้ หลังการพบหารือกันของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และประธานาธิบดีเวียดนาม โต แลม ที่กรุงปักกิ่ง

ปธน.แลม ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคนใหม่เมื่อต้นเดือนนี้ เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในวันจันทร์ เพื่อส่งสัญญาณการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านสองประเทศ ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้

ภายหลังการพบกัน ปธน.สี กล่าวว่า "จีนถือว่าเวียดนามคือความสำคัญอันดับต้น ๆ มาตลอดในการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน และสนับสนุนเวียดนามในการยึดมั่นต่อผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ เดินตามแนวทางแห่งสังคมนิยมที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศ ตลอดจนการเดินหน้าปฏิรูปและสร้างระบบสังคมนิยมที่ทันสมัย"

ด้านปธน.แลม กล่าวถึงความสัมพันธ์กับจีนว่า "เป็นภารกิจสำคัญที่สุดด้านนโยบายต่างประเทศของเวียดนาม" และเรียกการเยือนจีนครั้งนี้ว่าเป็น "การยืนยันคุณค่าความสัมพันธ์กับจีน"

ทั้งสองประเทศต่างร่วมลงนามในเอกสารการค้าการลงทุนหลายฉบับ ตั้งแต่การศึกษาโครงการก่อสร้างรางรถไฟเชื่อมระหว่างจีนกับเวียดนามซึ่งมีการลงนามในเบื้องต้นในช่วงที่ประธานาธิบดีสีเดินทางเยือนกรุงฮานอยเมื่อเดือนธันวาคม

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จะมีโครงการก่อสร้างรางรถไฟ 3 ช่วงเชื่อมต่อระหว่างเมืองหล่าวกายในเวียดนามไปยังเมืองไฮฟอง และนครเสินเจิ้นในประเทศจีน

ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศมีรางรถไฟสองเส้นทางที่เชื่อมต่อภาคใต้ของจีนกับกรุงฮานอย แต่เป็นรางรถไฟเก่าตั้งแต่สมัยที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส และแตกต่างกับรางรถไฟความเร็วสูงของจีน ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนขบวนรถไฟที่ชายแดนของสองประเทศสำหรับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร

คาดว่าการปรับปรุงรางรถไฟในส่วนของเวียดนามจะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากมีบริษัทจีนจำนวนมากที่ย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า

ผลิตภัณฑ์ทุเรียนจากเวียดนามที่ห้างแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง 10 ม.ค. 2020

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังร่วมลงนามในข้อตกลงด้านการเงิน สุขภาพ สื่อสารมวลชน ตลอดจนการซื้อขายสินค้าการเกษตร เช่น มะพร้าว ทุเรียน และเนื้อจระเข้

โต แลม ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนามเมื่อเดือนพฤษภาคม และตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของเวียดนาม หลังการอสัญกรรมของเหงียน ฟู จ่อง อดีตเลขาฯ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคนที่แล้ว เมื่อเดือนกรกฎาคม

  • ที่มา: รอยเตอร์