รายงานล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดยรัฐสภาอังกฤษ ระบุว่า “ภาวะร่วมกันคิด” ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรุงลอนดอนนั้น นำมาซึ่งความล่าช้าในการดำเนินมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายราคาแพงอย่างมาก
รายงานที่มีความหน 151 หน้าและได้รับการจัดทำโดยคณะกรรมาธิการร่วมด้านวิทยาศาสตร์และสุขภาพของสภาสามัญชน ซึ่งเป็นสภาล่างในรัฐสภาแห่งอังกฤษ ชี้ว่า คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน จงใจที่จะ “ทำการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและช้าๆ” ในช่วง 2-3 เดือนแรกของปีที่แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายพยายามหาวิธียับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสอยู่
คณะสืบสวนร่วมกล่าวด้วยว่า การที่เชื้อไวรัสสามารถแพร่ไปทั่วประเทศได้นั้นเป็นเพราะยุทธศาสตร์ “พึ่งชะตากรรม” ที่ว่า ซึ่งท้ายที่สุดก็ถูกยกเลิกไป เมื่อระบบสาธารณสุขของประเทศเผชิญความเสี่ยงที่จะรับมือกับตัวเลขผู้ป่วยที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วไม่ไหวแล้ว
รายงานชิ้นนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี จอห์นสัน ด้วยว่า ดำเนินการทดสอบการติดเชื้อและการติดตามตัวผู้ที่อยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงติดเชื้อ “อย่างไม่มีระบบระเบียบ ไม่มีความแน่นอน และล่าช้า” ขณะที่ รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งหน่วยงานสาธารณะทั้งหลายนั้นมีปัญหาล้มเหลวในการแบ่งปันข้อมูลต่างๆ
รายงานดังกล่าวสรุปว่า การรับมือการระบาดใหญ่ของรัฐบาลนั้นเป็น “ความล้มเหลวด้านแผนงานสาธารณสุขครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง” ในประวัติศาสตร์อังกฤษด้วย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าว Sky News หลังรายงานชิ้นนี้ได้รับการเผยแพร่ออกมา สตีเฟน บาร์คเลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักงานคณะรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะขอโทษประชาชนต่อสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปทั้งหมด พร้อมย้ำว่า รัฐบาล “ดำเนินการตามคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์โดยตลอด” และว่า “การแจกจ่ายวัคซีนนั้นก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนสามารถช่วยปกป้องระบบสุขภาพแห่งชาติไม่ให้มีปัญหาจากจำนวนผู้ป่วยที่พุ่งสูง” ได้
ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดในรัสเซียพุ่งทำสถิติใหม่
ขณะเดียวกัน คณะทำงานด้านโคโรนาไวรัสของรัสเซีย เปิดเผยในวันอังคารว่า มีผู้เสียชีวิตจากอาการป่วยโควิด-19 ถึง 973 คนภายในเวลาวันเดียว ซึ่งเป็นตัวเลขรายวันสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 28,190 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติรายวันที่ 29,499 ราย ที่บันทึกไว้เมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้วด้วย
ทางการรัสเซียโทษแผนการแจกจ่ายวัคซีนของประเทศที่เป็นไปอย่างล่าช้า ว่าเป็นสาเหตุของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงนี้ โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ในเวลามีประชาชนไม่เกิน 1 ใน 3 เท่านั้น ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วแม้ว่า รัฐบาลเครมลินจะเปิดตัววัคซีนสปุตนิคตั้งแต่เมื่อต้นปีก็ตาม
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งเข้ามารับใช้ประเทศช่วยเร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ขณะที่รัฐบาลเองยังไม่กล้าที่จะออกนโยบายบังคับให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนอยู่