ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดให้มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันพฤหัสบดี ในรูปแบบที่โฆษกทำเนียบขาว คารีน ฌอง ปิแอร์ เรียกว่าเป็นการแถลงแบบ “บิ๊กบอย” หรือที่แปลว่า คนที่โตแล้ว ที่จะมีขึ้นหลังการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในกรุงวอชิงตันสิ้นสุดลง
การแถลงข่าวนี้จะเป็นการดวลไมค์แบบไม่เตรียมบทระหว่างไบเดนและสื่อมวลชน ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้นำสูงสุดวัย 81 ปี ที่กำลังเผชิญกับข้อเคลือบแคลงด้านความพร้อมในทางร่างกายและความเฉียบแหลมของไหวพริบ ในการลงสนามการเมืองในศึกเลือกตั้งผู้นำสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้
ความพร้อมของไบเดนเป็นทั้งที่จับตามองทั้งจากพันธมิตรในฝั่งพรรคเดโมแครต และถูกล้อเลียนจากฝั่งผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีที่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำในนามพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะหลังผลการโต้วาที (ดีเบท) ระหว่างทั้งสองเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในการดีเบทดังกล่าวที่ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และระบบสตรีมมิงออนไลน์ ที่ไบเดนเหมือนจะไม่สามารถเรียบเรียงความคิดอยู่บ่อยครั้ง มีอาการเหนื่อยล้า พูดตะกุกตะกักและมีนำเสียงแหบแห้ง จนไม่สามารถโจมตีทรัมป์ รวมถึงตอบโต้ป้องกันตนเองเรื่องผลงานในการบริหารประเทศช่วงสามปีครึ่งที่ผ่านมา
Your browser doesn’t support HTML5
ในเวลาต่อมา ไบเดนอธิบายการดีเบทในค่ำคืนที่นครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ว่าเป็น “คืนที่ย่ำแย่” และไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่าไหวพริบปฏิภาณของเขานั้นถดถอยลง
กระนั้น มีสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนได้เรียกร้องกับไบเดนทั้งในทางส่วนตัวและในทางสาธารณะ ในเรื่องความกังวลว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะทรัมป์ได้ ไปจนถึงขอให้ไบเดนถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดี
ไม่เพียงเท่านั้น ในผลสำรวจความเห็นระดับชาติ ในพื้นที่รัฐที่เดโมแครตต้องเอาชนะให้ได้นั้น ส่วนใหญ่พบว่าทรัมป์มีคะแนนนิยมมากกว่าไบเดน
เดิมพันการเมือง จากผลงานต่อหน้าสื่อ
แน่นอนว่าการแถลงข่าวนี้ จะเป็นที่จับตามองทั้งจากพันธมิตรและคู่แข่ง หากไบเดนสามารถรับมือคำถามได้อย่างเด็ดขาดและฉะฉาน ก็อาจทำให้การเดินหน้าหาเสียงมีความมั่นคงขึ้น แต่หากเกิดความผิดพลาดต่อหน้าสื่อ ก็คงไปขยายปมการเรียกร้องให้เขายุติเส้นทางชีวิตการเมืองห้าทศวรรษลง ซึ่งในพรรคเองก็มีเสียงที่ขอให้รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส มาเป็นตัวแทนพรรคลงแข่งขันแทนบ้างแล้ว
เมื่อวันศุกร์ ไบเดนมีสัมภาษณ์ความยาว 22 นาทีกับสำนักข่าว ABC News ที่ถึงแม้จะสื่อสารได้เป็นปกติ แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลให้เหล่าสมาชิกพรรคได้ โดยไบเดนได้ตอบรับอีกหนึ่งคำขอสัมภาษณ์จากสื่อ NBC News ที่มีกำหนดออกอากาศในวันจันทร์หน้า
เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวยอมรับว่าการแถลงข่าวนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ ซึ่งไม่เหมือนกับการตอบคำถามสื่อมวลชนในแบบที่ไบเดนมักจะทำ คือการยืนข้าง ๆ ผู้นำต่างชาติ แล้วรับคำถามมาทีละสองคำถามก่อนจะสิ้นสุดการแถลง
ทั้งนี้ ยังไม่มีการประกาศว่าการแถลงข่าวจะใช้เวลานานเท่าใด และไบเดนจะรับคำถามจากนักข่าวกี่คำถาม
ณ จุดนี้ ไบเดนเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่จัดแถลงข่าวน้อยกว่าผู้นำในอดีต นับตั้งแต่สมัยของโรนัลด์ เรแกน ในทศวรรษ 1980 โดยการจัดแถลงข่าวแบบเดี่ยวของไบเดนครั้งสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นเมื่อแปดเดือนที่แล้ว
นับตั้งแต่การดีเบทกับทรัมป์ ไบเดนปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกหลายครั้ง แต่การสื่อสารของเขามักมีการเตรียมตัวมาก่อน หรือไม่ก็มีร่างของสิ่งที่ต้องพูดและอ่านจากเครื่องบอกบท (เทเลพรอมเตอร์)
ที่ผ่านมา ไบเดนยืนยันว่าจะยังลงแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดต่อไป แต่คนในพรรคเดโมแครตบางคนไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาชนะทรัมป์ได้หรือไม่ และยังไม่ปักใจเชื่อคำมั่นของไบเดนเรื่องการไม่ถอนตัว
เมื่อวันพุธ แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังคงมีอิทธิพลในแวดวงพรรคเดโมแครต ตอบคำถามกับสื่อ MSNBC ในประเด็นคำมั่นของไบเดนว่า “ฉันต้องการให้ท่านทำสิ่งที่ท่านตัดสินใจที่จะทำ” และกล่าวด้วยว่า “ไม่ว่าท่านตัดสินใจอะไร เราก็จะไปทางนั้น”
จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงชื่อดังที่ช่วยระดมทุนสนับสนุนนับล้านดอลลาร์ให้ไบเดนที่ฮอลลีวูดเมื่อเดือนที่แล้ว เขียนบทความในสื่อ New York Times เรียกร้องให้ไบเดนถอนตัว
คลูนีย์ระบุว่า “คนเดโมแครตระดับสูง (เช่น) ชัค ชูเมอร์ ฮาคีม เจฟฟรีย์ แนนซี เพโลซี และวุฒิสมาชิก ผู้แทน และแคนดิเดตอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อความพ่ายแพ้ในเดือนพฤศจิกายน จำเป็นต้องขอให้ประธานาธิบดีคนนี้ต้องถอนตัวโดยสมัครใจ”
สว. ไมเคิล เบนเนตต์ จากรัฐโคโลราโด กล่าวกับเพื่อนร่วมพรรคเดโมแครตในสัปดาห์นี้ว่า ไม่คิดว่าไบเดนจะชนะเลือกตั้งรอบนี้ และกล่าวกับสื่อ CNN ในเวลาต่อมาว่าทรัมป์อาจอยู่บนเส้นทางชัยชนะแบบถล่มทลาย และเหมารวบทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภานิติบัญญัติจากฝั่งเดโมแครตบางคนก็ยังคงอยู่ในโหมดรอดูท่าทีของไบเดนในการแถลงข่าว เช่นพีท อากีลาร์ ผู้นำ ส.ส. พรรคเดโมแครต ที่กล่าวว่า “มาดูการแถลงข่าวกัน มาดูการลงพื้นที่หาเสียง มาดูเหล่านี้ทั้งหมด เพราะทุกสิ่งจะมีความสำคัญ”
- ที่มา: วีโอเอ