ก่อนการดีเบทรอบแรกระหว่างสองผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปีนี้จะเกิดขึ้นที่นครแอตแลนตา เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เหล่าพันธมิตร ต้องการให้ โจ ไบเดน แสดงความแข็งแกร่งและพลังออกมาอย่างเต็มที่เพื่อลบคำครหาเกี่ยวกับอายุในวัย 81 ปีและความเฉียบแหลมออกมา แต่ในความเป็นจริง ผู้นำทำเนียบขาวคนปัจจุบันทำให้หลายคนผิดหวัง
เมื่อการโต้อภิปรายเป็นระยะเวลา 90 นาทีจบลง พันธมิตรของพรรคเดโมแครต รวมทั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ของพรรคและผู้สนับสนุนพรรคโดยรวม ต่างตกอยู่ในภาวะเสียขวัญกันทันที หลังได้เห็นอาการพูดติด ๆ ขัด การนิ่งและหยุดพูดเป็นช่วง ๆ และการพูดแบบนิ่ง ๆ เบา ๆ ที่ฟังเข้าใจยากของไบเดนบนเวทีดีเบท
และในวันศุกร์ ไบเดน ออกมายอมรับสิ่งที่ผิดพลาดบนเวทีดีเบทระหว่างร่วมกิจกรรมหาเสียงที่เมืองราลีย์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา
ไบเดน กล่าวว่า ตัวเองรู้ดีว่าทำการโต้อภิปรายได้ไม่ดีเหมือนก่อน แต่ตนก็พูดแต่ความจริง และว่า รู้ดีว่า จะต้องทำหน้าที่อย่างไร และทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้อย่างไร
ก่อนหน้านั้น ชาวเดโมแครตออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งในที่สาธารณะและระหว่างกันมากมาย โดยเฉพาะในประเด็นคำถามที่ว่า พรรคยังจะหรือควรจะเปลี่ยนตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หรือไม่
แคลร์ แมคแคสกิล อดีตวุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ MSNBC ว่า ตนไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ใจสลาย และคนจำนวนมากที่ชมการดีเบทก็รู้สึกแย่แทนโจ ไบเดน เช่นกัน พร้อมระบุว่า “ดิฉันไม่รู้ว่า จะมีอะไรที่พอจะทำได้เพื่อแก้ไขปัญหานี้หรือไม่”
ในเวลานี้ คำถามสำคัญที่สุดสำหรับไบเดนก็คือว่า ความเสียหายจากผลงานของเขาในคืนวันพฤหัสบดีนั้นยังพอจะแก้ไขเยียวยาได้หรือไม่
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากยังไม่ได้หันมาสนใจการเลือกตั้งในปีนี้มากนัก และยังมีเวลาอีกกว่า 4 เดือนก่อนจะถึงวันเลือกตั้งจริง และทั้งไบเดนรวมทั้งพันธมิตรของเดโมแครตยังมีงบประมาณหลายล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการทุ่มโฆษณาและหาเสียงในรัฐที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนสูสี หรือ Swing State อยู่
ในอดีตนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่ผู้เพลี่ยงพล้ำในการดีเบทสามารถพลิกกลับมาเป็นผู้มีชัยได้ เช่น กรณีของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลังเสียท่าในการโต้อภิปรายกับ มิตต์ รอมนีย์ เมื่อปี 2012 หรือ กรณีของวุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน ที่สามารถกลับมาเอาชนะคู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อปี 2022 หลังทำผลงานไม่ได้ดีในการดีเบทเมื่อหลายเดือนก่อนหน้าเพราะกำลังฟื้นตัวจากโรคหลอดเลือดสมอง
เอพีระบุว่า แผนงานหาเสียงของไบเดนในปี 2024 นั้นเป็นการเดิมพันว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะลงคะแนนเสียงให้กับนักการเมืองวัย 81 ปีที่กำลังเผชิญภาวะคะแนนนิยมตกต่ำ และต้องประจันหน้ากับคู่แข่งหน้าเดิมซึ่งเป็นเหมือนการฉายหนังซ้ำที่ผู้ชมไม่ค่อยอยากดูสักเท่าใด แต่แม้จะมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ด้านสุขภาพ ทีมงานของไบเดนยังยืนยันว่า เขาคือผู้ที่มีคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่จะสามารถสกัดทรัมป์ไม่ให้หวนคืนสู่ทำเนียบขาวได้จริง ดังเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ทีมงานของผู้นำสหรัฐฯ ประมาณการณ์ไว้ว่า แนวร่วมทางการเมืองของไบเดนที่ช่วยให้เดโมแครตคว้าชัยในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อนจะยังสนับสนุนและโอบรับประธานาธิบดีคนปัจจุบันต่อไป ด้วยการย้ำถึงภาวะความเป็นผู้นำที่แสนยุ่งเหยิงไร้ระเบียบของทรัมป์ แต่ความมั่นใจเช่นนั้นแทบไม่ปรากฏขึ้นเลย หลังทุกคนจะได้เห็นผลงานที่ไม่เข้าตาของไบเดนในการดีเบทเมื่อคืนวันพฤหัสบดี
คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) หลังการดีเบทสิ้นสุดลงว่า “มันเป็นการเริ่มต้นแบบช้า ๆ ทุกคนก็เห็นกันอยู่แล้ว ดิฉันจะไม่ขอโต้แย้งในประเด็นนนั้น” และว่า “ดิฉันกำลังพูดถึงตัวเลือกในเดือนพฤศจิกายน ดิฉันกำลังพูดถึงการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตของเรา”
หลังการดีเบทจบลง กลุ่มทีมงานตัวแทนสื่อสารของไบเดนค่อย ๆ ปรากฏตัวในพื้นที่ทำงานนักข่าวเพื่อพบปะกับแหล่งข่าว (spin room) ในนครแอตแลนตาโดยพยายามเลี่ยงตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว และเลือกโจมตีข้อมูลเท็จมากมายที่ทรัมป์หยิบยกขึ้นมาพูดในการโต้อภิปรายแทน โดยหนึ่งในนั้นคือ การที่ทรัมป์ไม่ได้ตำหนิกลุ่มคนบุกรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2021 เลย
แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกมองว่ามีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอนาคต และเป็นตัวแทนสื่อสารของไบเดนที่สำคัญคนหนึ่งที่เข้ามาในพื้นที่ spin room เรียกร้องให้สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตไม่ให้ตื่นตระหนก
นิวซัม ระบุระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ว่า สิ่งที่สำคัญคือ การแสดงความมั่นใจและการเดินหน้าสนับสนุนประธานาธิบดีไบเดน โดยไม่หันหลังให้เพียงเพราะผลงานที่ไม่เข้าตา
ถึงกระนั้น กระแสความวิตกกังวลก็ยังปรากฏขึ้นทั่วไป ขณะที่ชาวพรรคเดโมแครตเริ่มออกมาแนะให้มีการหาตัวเลือกคนใหม่มาแทนไบเดนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่พรรคบางรายยังยกตัวอย่างโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ของ ราวิ กุปตา อดีตผู้ช่วยทีมงานหาเสียงของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ระบุว่า “ชาวเดโมแครตทุกคนที่ผมรู้จักกำลังส่งข้อความแจ้งว่า สถานการณ์นั้นแย่แล้ว” และว่า “แค่ออกมาพูดดัง ๆ ที่สาธารณะและเริ่มทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่ให้การประชุมใหญ่(ของพรรค)เพื่อให้เกิดกระบวนการคัดสรร(ตัวแทนพรรค) ผมจะลงคะแนนเสียงให้ซากศพ ยังดีกว่าให้ทรัมป์ แต่นี่ก็เป็นภารกิจฆ่าตัวตาย”
ภายใต้กฎปัจจุบันของพรรคเดโมแครต การจะเปลี่ยนตัวผู้สมัครแทนไบเดนนั้นเป็นเรื่องยาก ถ้าเจ้าตัวไม่ร่วมมือด้วยหรือเจ้าหน้าที่พรรคไม่ยินดีที่จะปรับกฎเสียใหม่สำหรับการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรคในเดือนสิงหาคม แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ทั้งนี้ ไบเดนได้รับชัยชนะอย่างล้นหลามจากผู้แทนพรรคเดโมแครตในการลงคะแนนเสียงเบื้องต้นตามรัฐต่าง ๆ และกฎของพรรคระบุไว้ว่า “ผู้แทนพรรคที่ได้รับเลือกเข้าร่วมการประชุมใหญ่ระดับชาติที่ให้คำมั่นสนับสนุนแคนดิเดตประธานาธิบดี จะมีจิตสำนึกที่ดีเป็นเสียงสะท้อนความรู้สึกของผู้คนที่ลงคะแนนเลือกพวกเขามา”
ขณะเดียวกัน พรรครีพับลิกันกำลังมึนกับผลงานของไบเดนอยู่เช่นกัน แต่หัวหน้าทีมงานหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ปฏิเสธเสียงเล่าอ้างที่ว่า พรรคเดโมแครตจะพยายามเสนอตัวแทนพรรคคนใหม่มาแทนไบเดน
คริส ลาซิวิตา ที่ปรึกษาอาวุโสของทีมงานหาเสียงของทรัมป์ กล่าวว่า ทางเดียวที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็คือ โจ ไบเดน ยอมสละตำแหน่งไม่ลงเลือกตั้ง “และเขาก็จะไม่ทำเช่นนั้น”
อย่างไรก็ตาม ก่อนการดีเบทรอบที่ 2 จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหลายก็คงจดจำภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาระหว่างไบเดนและทรัมป์ไปอีกระยะ
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น