ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยเตรียมเยือนเวียดนามเร็ว ๆ นี้ ระหว่างที่เวียดนามต้องการยกระดับความสัมพันธ์และกลายเป็นประเทศหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐฯ ตามรายงานของรอยเตอร์
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวระหว่างงานเลี้ยงระดมทุนทางการเมืองที่รัฐนิวเม็กซิโกเมื่อค่ำวันอังคารถึงแผนเยือนเวียดนาม ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวระบุว่ายังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจของผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อ 28 กรกฎาคม ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวระหว่างงานเลี้ยงระดมทุนทางการเมืองที่รัฐเมนว่าเขาได้รับการติดต่อจากผู้นำเวียดนามในการพบกันในเวทีจี20 ที่กรุงนิวเดลี ซึ่งการประชุมสุดยอดดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายนนี้
ในครั้งนั้นปธน.ไบเดน กล่าวด้วยว่า “เขา(ผู้นำเวียดนาม)ต้องการยกระดับเรา(สหรัฐฯ)เป็นหุ้นส่วนสำคัญ เทียบเท่ารัสเซียและจีน” ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าปธน.ไบเดนได้กล่าวถึงการหารือทางโทรศัพท์กับเหงียน ฟู้ จ่อง (Nguyen Phu Trong) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม
เมื่อเดือนเมษายน การหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (Pham Minh Chinh) และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ทั้งสองฝ่ายแสดงความต้องการกระชับสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น เพื่อหวังคานอำนาจของจีน โดยรัฐมนตรีบลิงเคนแสดงความหวังว่าการเยือนเวียดนามของปธน.ไบเดนนั้นอาจเกิดขึ้น “ในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนจากนี้”
SEE ALSO: เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ถึงเวียดนาม ย้ำสัมพันธ์ความมั่นคงแนบแน่นรัฐบาลวอชิงตันพยายามยกระดับสัมพันธ์กับรัฐบาลฮานอยให้เป็นความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) จากที่ในช่วงหลายสิบปีมานี้เวียดนามมีการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ ในฐานะการเป็นหุ้นส่วนรอบด้าน (Comprehensive Partnership) ขณะที่เวียดนามดำเนินวิถีการทูตอย่างระมัดระวังบนความเสี่ยงที่จะกลายเป็นปรปักษ์กับจีนและรัสเซียซึ่งเป็นประเทศหุ้นส่วนสำคัญมานาน
ปัจจุบัน เวียดนามมีการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูต 3 ระดับกับประเทศอื่น ๆ อยู่ อันได้แก่ การเป็นหุ้นส่วนรอบด้าน ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) โดยสหรัฐฯ นั้นเป็นตลาดส่งออกอันดับต้น ๆ สำหรับเวียดนาม แต่ถูกจัดให้เป็นหุ้นส่วนระดับสามสำหรับรัฐบาลกรุงฮานอย ขณะที่ จีนและรัสเซียถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ในอันดับต้น ๆ ในสายตาเวียดนาม
ทางการสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้นกับเวียดนามจะเป็นไปในรูปแบบไหน แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารและด้านอาวุธของสหรัฐฯ ในช่วงที่เวียดนามต้องการมองหาทางเลือกอื่น ๆ นอกจากรัสเซียที่ยังเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายสำคัญให้กับเวียดนาม
- ที่มา: รอยเตอร์