ปรากฏการณ์ ‘เว้นวรรคออสการ์’ อาจดำเนินต่อไปแม้หมดโควิด

FILE - A scenic artists prepares Oscar statues off of Hollywood Boulevard for last years's 92nd Academy Awards, at the Dolby Theatre, Feb. 5, 2020, in Los Angeles, California.

กว่า 93 ปี ที่งานประกาศรางวัลออสการ์เป็นน้ำชโลมใจให้คนวงการบันเทิงมายาวนาน แม้จะมีจังหวะสะดุดสะเทือนต้องเลื่อนงานประกาศออกไปหลายครั้ง ทั้งในเหตุลอบสังหารนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนผิวสี มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เหตุพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และผลกระทบจากอุทกภัยในนครลอสแอนเจลิส เมื่อปี 1938

แต่นี่จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์งานประกาศรางวัลออสการ์ ที่งานต้องเลื่อนไปร่วม 2 เดือน เพราะการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส โควิด-19

หลังจากผ่านพ้นไปกว่า 1 ปีที่โควิด-19 สะเทือนอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลก ปีนี้งานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติของคนในวงการฮอลลีวู้ดต้องเจอโรคเลื่อนไปร่วม 2 เดือน ท่ามกลางบรรยากาศพรมแดงที่ว่างเปล่าไร้ฝูงชนและดงแฟลช ส่วนแสงสปอตไลท์ ต่างรอฉายไปยังคนดังในวงการบันเทิงเพียงหยิบมือ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาต่างๆ ในปีนี้ ที่ Union Station ในนครลอสแอนเจลิส

ในค่ำคืนงานประกาศรางวัลออสการ์ ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน เวลา 20 นาฬิกาตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเช้าวันจันทร์ที่ 26 เมษายนตามเวลาในไทย ที่ถ่ายทอดสดบรรยากาศพรมแดงออสการ์ยุคโควิด ทางสถานีโทรทัศน์ ABC

ทางผู้จัดการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลนี้ ยืนยันว่า จะเป็นเวทีออสการ์ในรูปแบบใหม่ โดยจะปรับให้เป็นเหมือนกับการนั่งชมภาพยนตร์สักเรื่อง ด้วยการถ่ายทำแบบ 24 เฟรมต่อวินาที และไม่มีการใช้ Zoom หรือแอปพลิเคชันประชุมทางออนไลน์ ที่ประสบปัญหาในงานประกาศรางวัลทั้งหลายก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ทุกคนที่มาร่วมงาน จะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตัวเองเป็นเวลา 14 วันก่อนมาร่วมพรมแดงโดยไม่สวมหน้ากาก ที่ Union Station ในนครลอสแอนเจลิส

ขณะที่ภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงหลังยุคโควิด-19 ดาร์เนล ฮันท์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส หรือ UCLA มองว่า แม้ว่าในสหรัฐฯ จะเห็นสัญญาณเชิงบวกว่าการระบาดของโควิด-19 จะปรับตัวได้ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ผู้คนในอุตสาหกรรมบันเทิงต่างมองไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าธุรกิจนี้จะกลับมาเป็น ‘ปกติ’ ได้เมื่อใด จากที่โรงภาพยนตร์หลายแห่งทยอยปิดตัว หนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องจ่อเลื่อนฉายหรือย้ายไปลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ฮันท์ พบว่า มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติในอุตสาหกรรมบันเทิงอเมริกันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากการศึกษาของเขาร่วมกับนักวิจัยด้านสังคมศาสตร์ ที่เชี่ยวชาญเรื่องฮอลลีวู้ด อนา-คริสตินา เรมอน ที่พบว่าภาพยนตร์ที่ออกฉายในช่วงปี 2020 ที่โควิดระบาดหนักทั้งปี มีนักแสดงที่มีเชื้อชาติสีผิวหลากหลายปรากฏในภาพยนตร์ราว 42% และ 39.7% คนกลุ่มนี้รับบทนำในภาพยนตร์

ขณะที่ออสการ์ ซึ่งเคยตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องการมีบทบาทของคนหลากเชื้อชาติสีผิวในเวทีนี้ ภายใต้แฮชแทค OscarsSoWhite เมื่อหลายปีก่อน แต่ในปีนี้ พบว่า 9 จาก 20 รางวัลที่เกี่ยวข้องกับสาขานักแสดงในเวทีออสการ์ มีคนหลากหลายเชื้อชาติได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้หญิงได้รับการเสนอชื่อมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นบนเวทีออสการ์ที่มีมาเกือบ 100 ปี

คณบดีคณะสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส หรือ UCLA ย้ำว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเวทีออสการ์ ที่สะท้อนถึงคุณค่าของตุ๊กตาทองตัวนี้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่สร้างแรงกระเพื่อมได้มากนัก จากที่ภาพยนตร์จอเงินมีพื้นที่โลดแล่นน้อยลงกว่าปกติในช่วงโควิด ซ้ำยังต้องฟาดฟันกับมวลมหาภาพยนตร์ที่สามารถสตรีมมิ่งได้ง่ายๆจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนของผู้ชมทั่วโลก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากช่วงการระบาดของโควิด-19

การสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมจากบริษัทวิจัย Guts + สำรวจความเห็นของผู้ที่ติดตามผลงานในวงการบันเทิงราว 1,500 คน พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ปีนี้เท่าไรนัก โดย 35% ในการสำรวจ ไม่เคยได้ยินชื่อภาพยนตร์ทั้ง 8 เรื่องที่เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเสียด้วยซ้ำ

มุมมองของแพทริค คอร์โคแรน รองประธานสมาคมสมาคมผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์แห่งชาติสหรัฐฯ เชื่อว่า โรงภาพยนตร์คือสิ่งที่เชื่อมโยงคนกับอุตสาหกรรมหนังที่หายไปในยุคโควิดระบาด และนั่นคือคำตอบที่ว่าทำไมเรตติ้งงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ต่างๆ จึงร่วงหนักในปีนี้

สำหรับเรตติ้งการชมงานประกาศรางวัลในปีที่ผ่านมา พบว่า เรตติ้งร่วงหนักมาตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด จากที่งานประกาศรางวัลออสการ์เมื่อปีก่อน ที่หนังเสียดสีสังคมสัญชาติเกาหลี Parasite โดยฝีมือกำกับของบอง จุน โฮ คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาได้ แต่คว้าเรตติ้งคนถือรีโมทในอเมริกามาได้น้อยมาก ที่ยอดชมเพียง 23.6 ล้าน ตามข้อมูลของนีลเซน (Nielsen)

และเมื่อส่องเรตติ้งงานประกาศรางวัลอื่นๆ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ดำดิ่งหนักเช่นกัน โดยงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ หรือ Golden Globes ร่วง 63% ด้วยยอดชม 6.9 ล้าน เรตติ้งยอดชมงานประกาศรางวัลแกรมมีส์ ดิ่ง 51% มาอยู่ที่ 9.2 ล้าน ทำให้ไม่ต้องสงสัยว่างานประกาศรางวัลออสการ์จะมียอดชมลดลงมากแค่ไหน