Your browser doesn’t support HTML5
เวลานี้ประชาชนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังสนับสนุนให้มีการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันการรุกรานจากเกาหลีเหนือ ซึ่งกระแสดังกล่าวมาพร้อมกับความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจไม่สามารถเป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้อีกต่อไป
สำนักงานข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประเมินว่าปัจจุบันเกาหลีเหนืออาจมีอาวุธนิวเคลียร์ราว 60 ลูก และอาจประสบความสำเร็จในการย่อส่วนหัวรบนิวเคลียร์ให้สามารถบรรจุในขีปนาวุธได้ราว 1,000 ลูกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในเอเชียมากไปกว่าจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ดังกล่าว คือความก้าวหน้าของกรุงเปียงยางในการพัฒนาจรวดนำวิถีพิสัยไกลแบบยิงข้ามทวีป หรือ ICBM ที่สามารถโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
ความกังวลดังกล่าว รวมถึงการที่รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่ต้องการเสี่ยงทำสงครามนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ เพื่อปกป้องพันธมิตรในเอเชีย คือ ญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ อีกต่อไป
คุณ Park In-kook แห่ง Korea Foundation for Advanced Studies ชี้ว่า ผู้คนต่างตั้งคำถามว่า สหรัฐฯ จะเต็มใจปกป้องเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้จริงหรือ หากว่าเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ เองก็ตกเป็นเป้าของการถูกโจมตี
ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเมื่อปลายปีที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ เองก็เคยตั้งคำถามถึงศักยภาพของสหรัฐฯ ในการปกป้องพันธมิตรในเอเชีย โดยทรัมป์กล่าวไว้ว่า ตนจะสั่งถอนทหารอเมริกันออกจากเอเชียแปซิฟิก และอนุญาตให้ประเทศพันธมิตรคือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ สามารถครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ หากว่าทั้งสองประเทศนั้นไม่เพิ่มจำนวนเงินที่ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นค่าใช้จ่ายด้านการทหาร
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ ได้พยายามรับประกันกับพันธมิตรในเอเชียว่า สหรัฐฯ จะยังคงมีส่วนร่วมในการปกป้องความมั่นคงในภูมิภาคนี้
ในส่วนของญี่ปุ่น การสำรวจความคิดเห็นประชาชนครั้งล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ประชาชนจำนวนมากขึ้นสนับสนุนให้ญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธและการทหารให้สามารถป้องกันตนเองได้ โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากปัจจุบันญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศที่มีเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ที่ดีที่สุดในโลก และสามารถปรับเทคโนโลยีและวัตถุดิบดังกล่าวไปใช้ในด้านการทหารได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์หลายคนยังเชื่อว่าการติดอาวุธนิวเคลียร์ให้กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้นั้น จะให้ผลเสียมากกว่าผลดี
ประการแรก จะทำให้โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีความชอบธรรมขึ้นมา และทำให้ความพยายามของนานาประเทศในการกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการนิวเคลียร์นั้น ดูไร้น้ำหนักไปทันที
ประการที่สอง จีนอาจจะเปลี่ยนท่าทีจากการร่วมกดดันเกาหลีเหนือไปเป็นการต่อต้านการสั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นแทน เนื่องจากญี่ปุ่นกับจีนมีความขัดแย้งทางทหารมาตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง
ประการที่สาม หากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองจริง จะถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ หรือ Non Proliferation Treaty ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้มาตรการลงโทษต่อทั้งสองประเทศนี้
(ผู้สื่อข่าว Brian Padden รายงานจากกรุงโซล / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)