สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้ประเทศในเอเชียหลายประเทศได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนของตนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น แม้จะเริ่มต้นมาอย่างล่าช้าเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน แต่กลับเร่งเครื่องขึ้นมาเมื่อจำนวนวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และประชาชนมีความมั่นใจในวัคซีน
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านอัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและกำลังเร่งฉีดเข็มที่สอง โดยทางการเกาหลีใต้คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้ ประชากรเกาหลีใต้มากกว่า 70% จะได้รับวัคซีนเข็มแรก ขณะที่ออสเตรเลียก็ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่ประชากรไปแล้วกว่า 56%
สิงคโปร์สามารถฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชากรไปแล้วกว่า 80% ส่วนที่อินเดีย อัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกเพิ่มขึ้นแตะระดับ 42% ของประชากรเกือบ 1,400 ล้านคน หลังจากที่ทางการสามารถผลิตวัคซีนออกมาได้รวดเร็วขึ้น
พอล กริฟฟิน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อแห่ง University of Queensland ในออสเตรเลีย ชี้ว่า ชาวเอเชียจำนวนมากต่างแห่ไปฉีดวัคซีนเพราะต้องการให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อเปิดภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวได้อีกครั้ง
ที่ญี่ปุ่น ทางการสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 1 ล้านโดสตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวและคนวัยกลางคน ขณะที่นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูกะ ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนนี้ กล่าวว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงความต้องการกลับไปสู่วิถีชีวิตปกติโดยเร็ว
ส่วนจีนซึ่งรายงานว่าฉีดวัคซีนสองโดสให้แก่ประชาชนแล้วมากกว่า 70% ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะขยายอัตราการฉีดวัคซีนให้เพิ่มขึ้น แต่มิได้ระบุว่าอุปสรรคคืออะไร
ขณะเดีียวกัน สหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนของตนเองตั้งแต่ต้นปีนี้ กำลังเผชิญกับอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำลงมาก โดยที่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน ทำให้ผู้นำประเทศเหล่านั้นต้องออกมากระตุ้นหรือแม้กระทั่งใช้วิธีบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน
(ที่มา: รอยเตอร์)