องค์การอนามัยโลก เตือนประชาชนอย่ากักตุนอุปกรณ์การแพทย์ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยไว้เกินความจำเป็น เพราะอาจกระทบต่อสวัสดิภาพของบุคลากรทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ พร้อมยังเตือนเรื่องทำแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ใช้เองเพียงเพราะกลัวของขาดตลาด อาจสร้างอันตรายต่อชีวิตได้มากกว่านั้น
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส กล่าวเมื่อวันอังคาร ออกโรงเตือนประชาชนให้หยุดการกักตุนอุปกรณ์การแพทย์ จำพวกหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อโรค เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นแนวหน้าที่อยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส และว่าการกักตุนหรือใช้อุปกรณ์การแพทย์อย่างไม่ถูกต้อง ถือเป็นการผลักภาระให้กับบุคลากรการแพทย์ต้องตกอยู่ในอันตรายและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ ผอ. WHO บอกด้วยว่า แม้อัตราการเสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสจะอยู่ที่ 3.4% ซึ่งสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ ที่มีอัตราการเสียชีวิตในระดับ 1% แต่ยังเชื่อมั่นว่าสามารถควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสได้มากกว่าไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ทางองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสส่วนมากในวัยผู้ใหญ่ จะแสดงอาการมีไข้สูง ไอแห้งๆ และหายใจหอบถี่ โดยตัวเลขล่าสุดที่อนามัยโลกพบ คือ 80% ของผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง ส่วน 14% ของผู้ติดเชื้อจะล้มป่วยหนัก และอีก 5% ของผู้ติดเชื้อจะมีอาการป่วยขั้นรุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยกลุ่มสุดท้ายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปและมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนประเด็นการทำแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ใช้เองที่บ้าน ซึ่งกลายเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ มีอยู่ในข้อมูลที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการของ WHO อยู่แล้ว และว่าแอลกอฮอล์ล้างมือนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เข้าถึงน้ำสะอาดได้ยากเท่านั้น
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC ออกมาเตือนว่า แอลกอฮอล์ล้างมือที่เหมาะสม ควรมีระดับแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% ในนั้น ซึ่งหากแอลกอฮอล์มากกว่านั้นก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ แต่หากน้อยไปก็อาจไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ ขณะที่วิธีการล้างมือก็เป็นสิ่งสำคัญ โดย CDC ย้ำว่าต้องล้างให้สะอาดทั่วทั้งมือและนิ้ว อย่าลืมกฏ 20 วินาที แต่ที่ดีที่สุด คือ การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด