หลังกองทัพรัสเซียรุกหน้าเข้าโจมตีทางอากาศที่โรงพยาบาลผดุงครรภ์ในยูเครนเมื่อสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้ออกมากล่าวหาและระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็น อาชญากรสงคราม (war criminal) แต่จะระบุว่า ใครเป็น ‘อาชญากรสงคราม’ ได้นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องของการหยิบยกขึ้นมาใช้ง่ายๆ เพราะมีกระบวนการตัดสินและคำนิยามที่ชัดเจนในการจะชี้ชัดว่า ผู้ใดพึงถูกกล่าวหาและถูกลงโทษด้วยข้อหาเช่นนั้นอยู่
ภายหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ เอ่ยปากใช้คำนี้เรียกปธน.รัสเซีย โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี ออกมาชี้แจงว่า ปธน.ไบเดน “ใช้ความรู้สึกจากใจพูดออกมา” และย้ำว่า อย่างไรเสีย ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิจารณาและตัดสินก่อนที่จะใช้ดังกล่าวได้อย่างเป็นทางการ
คำว่า ‘อาชญากรสงคราม’ ใช้ได้กับใครบ้าง?
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า คำว่า ‘อาชญากรสงคราม’ หมายถึง ผู้ใดก็ตามที่ละเมิดกฎหมายความขัดแย้งทางอาวุธ ซึ่งกฎเหล่านี้ได้รับการยอมรับโดยผู้นำทั่วโลก และประเทศต่างๆยังใช้เป็นข้อปฏิบัติในยามสงครามอีกด้วย
ทั้งนี้ กฎข้างต้นระบุชัดเจนถึงประเภทของอาวุธที่สามารถใช้ในการทำสงครามและกลุ่มบุคคลที่ร่วมต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของกฎถูกปรับแก้และขยายให้ครอบคลุมสิ่งต่างๆมากขึ้นในศตวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังการทำอนุสัญญาเจนีวาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ที่มีการห้ามใช้อาวุธทางเคมีชีวภาพในการทำสงคราม
จุดประสงค์หลักของกฎเหล่านี้ คือ การป้องกันผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนร่วมในสงครามและผู้ที่ไม่สามารถทำสงครามต่อไปได้ โดยบุคคลในกลุ่มนี้รวมถึง แพทย์ พยาบาล ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เชลยศึก
การกระทำผิดในลักษณะใดถึงเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม?
การกระทำผิดที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามจะต้องเป็นการละเมิดกฎขั้นร้ายแรง (grave breaches) ซึ่งรวมถึง การฆ่าโดยตั้งใจและทำลายล้างพื้นที่เป็นวงกว้างเกินความจำเป็นทางทหาร การโจมตีผู้บริสุทธิ์ การใช้กำลังที่เกินควร การใช้มนุษย์เพื่อเป็นโล่ป้องกันจากข้าศึก (human shields) และการจับตัวประกัน
ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) จะดำเนินคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเมื่อบริบทสงครามอยู่ในรูปแบบ “การโจมตีผู้บริสุทธิ์ในวงกว้างอย่างเป็นระบบ” เช่น การฆาตกรรม การทรมาน การข่มขืน และการบังคับให้เป็นทาสกามารมณ์ (sexual slavery)
สำนักข่าวเอพีชี้ว่า โอกาสที่ผู้นำรัสเซียจะเข้าข่ายเป็น ‘อาชกรสงคราม’ จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีหลักฐานการเป็นผู้รับผิดชอบในการบังคับบัญชาการก่ออาชญากรรมสงครามมามัดตัว เพราะหากผู้บังคับบัญชาสั่ง รับทราบ หรือ รู้เห็นการทำอาชญากรรมข้างต้นแต่ไม่มีการกระทำใดๆ เพื่อจะหยุดยั้งสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ผู้นั้นจะถือว่า มีความผิดตามกฎหมายได้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ สหรัฐฯ กำลังทำการประเมินและรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมสงครามของรัสเซีย โดยเฉพาะการตั้งเป้าโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่า รัสเซียจะต้องเผชิญกับ “ผลลัพธ์ที่สาหัส” กับการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายอาชญกรรมดังกล่าว
หนทางสู่ความยุติธรรมมีอะไรบ้าง?
การสืบสวนและตัดสินคดีอาชญากรรมสงครามมี 4 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดอยู่ด้วย
● วิธีแรกสามารถทำได้โดยการขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ
● วิธีที่สองคือ องค์การสหประชาชาติส่งเรื่องที่คณะกรรมาธิการสอบสวนของตนรวบรวมได้ ไปให้ศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีกับ ปธน.ปูติน
● วิธีต่อไปคือ การตั้งศาลพิเศษขึ้นมาและให้สิทธิ์แก่กลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การนาโต้ สหภาพยุโรป และ สหรัฐฯ ในการพิจารณาคดีกับผู้นำรัสเซีย ซึ่งจะ คล้ายๆกับศาลทหารที่นูเรมเบิร์ก (Nuremberg) ที่พิจารณาคดีผู้นำนาซี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
● วิธีสุดท้าย คือ การใช้กฎหมายของบางประเทศที่สามารถดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามได้ ยกตัวอย่างจาก ประเทศเยอรมนีที่เริ่มสืบสวนผู้นำรัสเซียแล้ว อย่างไรก็ดี สหรัฐฯยังไม่มีกฎหมายประเภทดังกล่าว แต่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ มีมาตรากฎหมายพิเศษที่มุ่งเน้นการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทรมาน การฝึกทหารเด็ก และการทำลายหรือการตัดอวัยวะเพศหญิงอย่างจงใจโดยปราศจากเหตุผลทางการแพทย์
ถ้ามีการพิจารณาคดีผู้นำรัสเซียในคดีว่าด้วยอาชญากรรมสงครามจริง การพิพากษาจะเกิดขึ้นที่ไหน?
ในเวลานี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า การดำเนินคดีดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะ รัสเซียไม่ได้ยอมรับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ และจะไม่ยอมส่งผู้ต้องสงสัยคนใดไปยังกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นอันขาด ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับของสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลแห่งนี้เช่นกัน
และถ้าหากจะมีการดำเนินคดีว่าด้วยอาชญากรรมสงครามต่อ ปธน.ปูติน ขึ้นจริง กระบวนการศาลอาจมีขึ้นในประเทศที่องค์การสหประชาชาติ หรือกลุ่มประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเลือกให้ แต่จุดที่ยากในเรื่องนี้ก็คือ จะทำอย่างไรให้ผู้นำรัสเซียเดินทางไปร่วมการไต่สวนต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ สหรัฐฯ และอีก 44 ประเทศได้ร่วมกันเริ่มสืบสวนการกระทำที่เข้าข่ายความผิดร้ายแรงและการละเมิดกฎหมายความขัดแย้งทางอาวุธของผู้นำรัสเซียแล้ว หลังคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC) ได้ผ่านการลงเสียงให้ตั้งคณะกรรมาธิการไต่สวนขึ้น (a commission of inquiry)
ท้ายสุด หากลองมองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะพบว่า มีผู้นำคนหลายคนที่เคยถูกตัดสินเป็นอาชญากรสงครามหลังบ้างแล้ว เช่น สโลโบดาน มิโลเซวิช อดีตผู้นำยูโกสาลเวีย ซึ่งเสียชีวิตลงก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาออกมา รวมทั้ง ราโดแวน คาราดซิก อดีตผู้นำทางการเมืองของชาวเซิร์บ และ รัตโก มลาดิช ผู้นำกองทัพบอสเนียเซิร์บ ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดและขณะนี้ยังคงรับโทษจำคุกตลอดชีวิตอยู่ เป็นต้น
- ที่มา: สำนักข่าวเอพี