รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวยืนยันในวันอาทิตย์ว่า การร่วมประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนรวมกันเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมงในช่วงที่ผ่านมา “มีประสิทธิผลอย่างดี” พร้อมกล่าวว่า การเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการที่เพิ่งจบลงไปนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยิ่ง ‘มั่นคงแน่วแน่กว่าเดิม’
ก่อนจะเดินทางกลับสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ แจเน็ต เยลเลน รมต.คลังสหรัฐฯ ได้แวะเยือนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง และร่วมการแถลงข่าวเกี่ยวกับการประชุมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน คือสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ในฐานะที่ขนาดเศรษฐกิจของทั้งคู่รวมกันแล้วมีสัดส่วนถึง 40% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก
รมต.แจเน็ต เยลเลน กล่าวด้วยว่า “สหรัฐฯ และจีนนั้นมีความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างมากอยู่ และจำเป็นต้องมีการสื่อสารประเด็นเห็นต่างทั้งหมดอย่างชัดเจนและโดยตรง” พร้อมยืนยันว่า ตัวเธอและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนั้นเป็นเรื่องของความขัดแย้ง และเชื่อว่า “โลกนั้นกว้างใหญ่พอสำหรับเราทั้งสองประเทศที่จะก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไปได้ ทั้งสองประเทศต่างมีภาระผูกพันที่จะจัดการความสัมพันธ์นี้อย่างมีความรับผิดชอบ และเพื่อหาหนทางที่จะอยู่ร่วมกันและแบ่งปันความรุ่งเรืองบนโลกนี้ด้วยกัน”
ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตกต่ำถึงขั้นขีดสุดเนื่องจากประเด็นด้านความมั่นคงและการค้า แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทั้งสองก็ได้มีการพบปะหารือกันอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปเพื่อพยายามฟื้นฟูช่องทางการสื่อสารระหว่างกันให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน เพิ่งเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง โดยเป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ด้านการทูตระดับสูงของกรุงวอชิงตันนับตั้งแต่ปธน.ไบเดน ก้าวขึ้นรับตำแหน่ง ขณะที่ มีการคาดว่า จอห์น แคร์รี ทูตพิเศษด้านสภาพอากาศ จะเดินทางไปจีนในช่วงปลายเดือนนี้ด้วย
การที่สหรัฐฯ เดินหน้าสานสัมพันธ์ด้านการทูตนั้นมีขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี20 ในเดือนกันยายนที่คาดกันว่า ปธน.ไบเดนน่าจะได้ร่วมหารือแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กรุงนิวเดลี หรือไม่ก็ที่การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนที่ซานฟรานซิสโก
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผยว่า การเดินทางไปจีนของเยลเลนไม่ได้นำมาซึ่งความก้าวหน้าด้านนโยบายใด ๆ แต่ถือว่าเป็น “ความสำเร็จอย่างมาก” ในแง่ “การสถาปนาการติดต่อสื่อสารกันใหม่” และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ในช่วงเยือนจีนนั้น รมว.คลังสหรัฐฯ ได้ร่วมประชุมเป็นเวลา 5 ชั่วโมงกับรองนายกรัฐมนตรีเหอ หลีเฟิง ในวันเสาร์ ซึ่งเยลเลนกล่าวว่า เป็นการประชุมที่ “ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ และครอบคลุม” ขณะที่ สื่อทางการจีนรายงานว่า การประชุมที่ว่าเป็นไปในแบบ “เชิงลึก ตรงไปตรงมาและนำไปปฏิบัติได้จริง”
รายงานข่าวระบุว่า เยลเลนได้ออกโรงปกป้องการดำเนินการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีของรัฐบาลไบเดนซึ่งกรุงปักกิ่งไม่เห็นด้วย พร้อมกล่าวว่า แม้นี่จะเป็นประเด็นที่สองประเทศเห็นต่าง ก็ไม่ควรปล่อยให้กลายมาเป็นเหตุผลที่ทำให้สหรัฐฯ และจีนไม่สามารถหาหนทางที่จะร่วมหาทางแก้ปัญหา “ความท้าทายระดับโลกที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ แรงกดดันด้านหนี้ในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา และเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฝ่ายกรุงปักกิ่งก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษและมาตรการจำกัดต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ต่อจีน และว่า รองนายกรัฐมนตรีจีนได้เปิดเผยว่า รัฐบาลทั้งสองควรจะกลับมาดำเนินตามข้อตกลงที่ปธน.ไบเดนและปธน.สีได้ทำกันไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้วเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน
นอกจากการประชุมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รมต.เยลเลน กล่าวว่า จุดประสงค์ในการเยือนจีนครั้งนี้ก็คือการจัดตั้งและส่งเสริมความสัมพันธ์กับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของกรุงปักกิ่งด้วย
รมว.คลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า “การหารือที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่มีการประสานงานกันเป็นวงกว้างเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน และเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด รวมทั้งเพื่อหารือประเด็นความร่วมมืออื่น ๆ”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขุนคลังสหรัฐฯ ระบุว่า เธอได้หารือ “อย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์” กับนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ที่กรุงปักกิ่งด้วย โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า รมต.เยลเลน “ได้หารือตามความประสงค์ของคณะทำงาน(ปธน.ไบเดน)เพื่อเสาะหาการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ดีกับจีนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมทั้งแรงงานและภาคธุรกิจอเมริกัน” และยังเน้นถึงการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับจีนในประเด็น “เศรษฐกิจมหภาคและด้านการเงินระดับโลก และการทำงานร่วมกันในเรื่องความท้าทายต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งปัญหาหนี้ในกลุ่มคนรายได้น้อยและในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเด็นด้านการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาด้านสภาพอากาศโลก”
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจีน ได้ระบุว่า ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและการพัฒนาของจีนเป็นโอกาสมากกว่าความท้าทายสำหรับสหรัฐฯ โดยรัฐบาลปักกิ่งระบุว่ารมต.เยลเลนกล่าวในการหารือว่าสหรัฐฯ “ไม่ได้มองหา ‘ความแตกแยกหรือตัดขาดการเชื่อมต่อ’ และไม่มีจุดประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสร้างความทันสมัยของจีน”
แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุด้วยว่า “จีนและสหรัฐฯ ควรเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือ จับมือกันเพื่อต่อสู้กับความท้าทายระดับโลกและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน”
รมต.เยลเลนสรุปด้วยว่า ในการประชุมกับนายกฯ หลี่ รองนายกฯ เหอ รัฐมนตรีคลัง หลิว คุ่น และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่น ๆ ของรัฐบาลปักกิ่ง เธอได้พยายามทำให้ฝ่ายจีนมั่นใจว่า มหาอำนาจทั้งสองสามารถมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกันอันดีระหว่างกันได้
รมว.คลัง สหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือกับผู้บริหารรัฐบาลจีนทั้งหมดเป็นไปในรูปแบรบตรงไปตรงมา มีสาระสำคัญ และมีประสิทธิผล โดยทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเลือกทางเศรษฐกิจและนโยบายของกันและกันมากขึ้น ซึ่งเธอเชื่อว่า มีความสำคัญต่อทั้งสองประเทศ และแม้ว่า สหรัฐฯ และจีนจะไม่ได้เห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง เธอเชื่อว่า การได้หารือเชิงลึกโดยเปิดเผยในเรื่องโอกาสและความท้าทายที่ความสัมพันธ์ของสองประเทศเผชิญอยู่นั้นมีคุณค่าที่ชัดเจนในตัวของมัน ซึ่งทั้งหมดก็ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันและกันดีมากขึ้นเกี่ยวกับการลงมือกระทำการต่าง ๆ และความตั้งใจที่ต่างมีด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีและรอยเตอร์