สหรัฐฯ และไต้หวันตกลงที่จะเริ่มการเจรจาหารือประเด็นการค้าภายใต้แนวคิดริเริ่มใหม่ที่มุ่งบรรลุข้อตกลงที่ “มีผลลัพธ์ซึ่งมีความหมายทางเศรษฐกิจ” ขณะที่ เจ้าหน้าที่ไต้หวันรายหนึ่งเปิดเผยว่า จะมีการหยิบยกประเด็น “การขู่กรรโชกทางเศรษฐกิจ” ของจีนขึ้นมาพูดคุยด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
กรุงวอชิงตันและกรุงไทเปเปิดตัว ‘แนวคิดริเริ่มสหรัฐฯ-ไต้หวัน สำหรับการค้าในศตวรรษที่ 21” เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจไม่รวมไต้หวันเข้ามาอยู่ในแผนงานทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียที่มีเป้าหมายในการต่อต้านอิทธิพลของกรุงปักกิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จอห์น เติ้ง ผู้แทนการเจรจาการค้าของไต้หวัน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนหวังว่า การหารือนี้จะเริ่มต้นได้ในเดือนหน้า และหวังด้วยว่า การเจรจานี้จะนำไปสู่ข้อตกลงการค้าเสรีที่ไต้หวันต้องการทำกับสหรัฐฯ ให้ได้ในสักวันหนึ่ง
รายงานข่าวระบุว่า สหรัฐฯ และไต้หวันได้จัดทำกำหนดการหารือเต็มพิกัดที่รวมความถึงประเด็น การอำนวยความสะดวกทางการค้า หลักปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการกำจัดอุปสรรคทางการค้าที่มีการเลือกปฏิบัติออกไปให้หมด
ผู้แทนการเจรจาการค้าของไต้หวันเปิดเผยว่า หนึ่งในหัวข้อการประชุมก็คือ ประเด็นการขู่กรรโชกทางเศรษฐกิจโดยจีน ซึ่งหมายถึง การที่กรุงปักกิ่งทำการปิดกั้นการค้ากับประเทศต่าง ๆ ที่ตนมีปัญหาด้วย เช่น กรณีของประเทศลิทัวเนีย ที่อนุญาตให้ไต้หวันเปิดทำการสถานทูตทางพฤตินัยที่กรุงวิลนีอุส เป็นต้น
แม้สหรัฐฯ และไต้หวันจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการ กรุงวอชิงตันได้ให้การสนับสนุนกรุงไทเปในหลายด้านมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อกรุงปักกิ่งยกระดับแรงกดดันทางการเมืองเพื่อให้ไต้หวันยอมรับว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งของจีน
ทั้งนี้ จีนคัดค้านแนวคิดริเริ่มสหรัฐฯ-ไต้หวัน มาโดยตลอด
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่งว่า จีนคัดค้านการที่ประเทศใดก็ตามจะลงนามในข้อตกลงการค้าอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไต้หวันด้วย โดยย้ำว่า “จีนจะดำเนินมาตรการเด็ดขาดต่าง ๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน … เราแนะนำให้สหรัฐฯ หยุดการกระทำที่ผิดพลาดทั้งหลายได้แล้ว”
- ที่มา: รอยเตอร์