กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้การอนุมัติแผนขายอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 108 ล้านดอลลาร์ให้กับไต้หวันแล้ว ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ติงว่า อาวุธชุดดังกล่าวนั้นไม่น่าจะเพียงพอสำหรับรัฐบาลกรุงไทเปเพื่อการปกป้องตนเองจากการรุกรานของจีนได้เลย
การอนุมัติแผนการขายอาวุธครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ให้ไต้หวันรวมความถึง ชิ้นส่วนสำหรับรถถังและยานพาหนะสำหรับการต่อสู้ รวมทั้งงบการสนับสนุนทางเทคนิคด้วย ตามข้อมูลที่ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเปิดเผยออกมา
และหลังจากการอนุมัติโดยเพนตากอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว แผนงานนี้จะเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการอนุมัติโดยสภาคองเกรสต่อไป ซึ่งถ้าหากไม่ติดขัดอะไร ก็จะนำไปสู่การขายอาวุธระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันรอบที่ 5 ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรอบที่ 4 ของปีนี้
จาง ดันแฮน โฆษกประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันรู้สึกซาบซึ้งต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ “ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญยิ่งของความต้องการด้านกลาโหมของไต้หวัน และการบรรลุตามคำมั่นด้านความมั่นคงต่อไต้หวันด้วย”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมจีนออกมาคัดค้านการขายอาวุธของสหรัฐฯ มาโดยตลอด โดยโฆษกกระทรวงฯ ระบุว่า การขายอาวุธนี้ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน และ “เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ความมั่นคงของจีน” ด้วย
ขณะเดียวกัน มีเสียงสะท้อนจากไต้หวันว่า รัฐบาลปธน.ไบเดนนั้นยังไม่ได้ดำเนินการต่าง ๆ มากพอเพื่อไต้หวัน เพราะการขายอาวุธรอบล่าสุดนี้ ส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่ด้านการสนับสนุนและโลจิสติกส์ แทนที่จะเป็นการเสริมสร้างสรรพกำลังในการสู้รบของไต้หวัน
รูเพิร์ต แฮมมอนด์-เชมเบอร์ส ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-ไต้หวัน ให้ความเห็นว่า “ดูเหมือนว่า ในเวลานี้ สหรัฐฯ แทบจะไม่ได้ให้การสนับสนุนต่อความพยายามปรับปรุงกองกำลังไต้หวันให้ทันสมัยอย่างมีนัยสำคัญเลย”
ส่วน เหวิน-ที ซุ่ง อาจารย์จากโครงการไต้หวันศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) บอกกับ วีโอเอ ว่า ชิ้นส่วนชุดใหม่และการสนับสนุนทางเทคนิครอบนี้จากสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีความรอบคอบระมัดระวังทางการเมืองในช่วงนี้ ขณะที่ สหรัฐฯ ต้องพยายามสร้างสมดุลในการดำเนินงานหลาย ๆ ด้านอยู่พร้อมกัน