สหภาพยุโรป (อียู) ไม่มีแผนที่จะประกาศสั่งให้สมาชิกครอบครัวของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตต่างๆ ของตนในกรุงเคียฟอพยพออกจากยูเครน ดังเช่นที่สหรัฐฯ สั่งดำเนินการไปเมื่อเย็นวันอาทิตย์ ขณะที่ ความตึงเครียดของสถานการณ์ความสัมพันธ์กับรัสเซียยกระดับขึ้นเรื่อยๆ
โจเซพ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู กล่าวในวันจันทร์ว่า “เรา(อียู) จะไม่ทำตาม(สหรัฐฯ) เพราะเรา(อียู) ยังไม่มีเหตุผลที่แน่ชัด แต่รัฐมนตรี (แอนโทนี) บลิงเคน จะอธิบายให้เราฟัง”
บอร์เรลล์ บอกกับผู้สื่อข่าวถึงจุดยืนของอียู ก่อนเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมาชิกอียู ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำสั่งมาเมื่อวันอาทิตย์ ให้สมาชิกครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟที่มีสิทธิ์ เดินทางออกจากยูเครน รวมทั้งอนุญาตให้พนักงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ว่าจ้างโดยตรง (U.S. direct hire) เดินทางออกจากประเทศเช่นกัน เนื่องจากความน่าจะเป็นที่รัสเซียจะใช้กำลังทหารบุกยูเครนในอนาคตอันใกล้
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังแนะให้ชาวอเมริกันที่อยู่ในยูเครน พิจารณาเดินทางออกนอกประเทศด้วยการใช้เที่ยวบินพาณิชย์ หรือตัวเลือกการเดินทางส่วนบุคคลอื่นๆ ที่มี รวมทั้ง ออกคำเตือนการเดินทางระดับ 4 (Travel Warning) สำหรับยูเครน โดยระบุว่า “ห้ามเดินทางไปยังยูเครน เนื่องจากภัยคุกคามของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียและสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยกระดับขึ้น”
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ประกาศคำเตือนในระดับดังกล่าวต่อยูเครนมาแล้ว ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับภาวะระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสและในช่วงค่ำของวันอาทิตย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแนะนำด้านการเดินทางเกี่ยวกับเดินทางไปยังรัสเซีย ซึ่งระบุว่า “ห้ามเดินทางไปยังรัสเซีย เนื่องจากความตึงเครียดตามแนวชายแดนติดกับยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ รวมทั้ง ภัยที่อาจเกิดขึ้นต่อชาวอเมริกัน ความสามารถอันจำกัดของสถานทูตในการให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันในรัสเซีย สถานการณ์ด้านโควิด-19 และข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้อง เหตุก่อการร้าย การข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐบาลรัสเซีย และการประกาศบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นตามอำเภอใจ”
ผู้สื่อข่าวรายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่า การใช้กำลังทหารรัสเซียรุกเข้าไปในยูเครนนั้นอาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และหากเกิดขึ้นจริง สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ จะมีความสามารถอันจำกัดในการช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่แจ้งข่าวการสั่งอพยพครั้งนี้ ปฏิเสธที่จะประเมินตัวเลขชาวอเมริกันที่ทำงานอยู่ในสถานทูตที่กรุงเคียฟ รวมทั้งตัวเลขชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในยูเครนด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์