ท่ามกลางความตึงเครียดตามแนวชายเเดนของรัสเซียและยูเครน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ในที่สุดเเล้วรัสเซียอาจจะส่งทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปในยูเครน
การกระทำดังกล่าวถือจะเป็นการยกระดับความขัดเเย้ง และสหรัฐฯ กำลังพิจารณาว่ามีทางเลือกอะไรบ้างเพื่อตอบโต้รัสเซีย
ด้านหนึ่งอเมริกาไม่มีสนธิสัญญากับยูเครนในการเข้าช่วยปกป้องยูเครนหากยูเครนถูกรุกราน ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเองก็เคยกล่าวว่าการส่งทหารอเมริกันเข้าร่วมความขัดเเย้งระดับสงครามในบริเวณดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น
แต่อีกด้านหนึ่งการนิ่งเฉย หรือตอบโต้น้อยเกินไป ก็อาจจะทำให้รัสเซียเพิ่มระดับความเเข็งกร้าวในยุโรปตะวันออกและส่วนคาบเกี่ยวเขตบอลติกที่มีสามประเทศเป็นพันธมิตรสหรัฐฯ ภายใต้สนธิสัญญานาโต้ คือลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย
ขณะนี้สหรัฐฯกำลังดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีแอนโทนี บลิงเคน มีกำหนดหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในวันศุกร์
รัฐมนตรีบลิงเคนได้กล่าวก่อนหน้าในสัปดาห์นี้ขณะเยือนยุโรปว่า สหรัฐฯมีพันธะอันมั่นคงในการสนับสนุนเอกราชและอธิปไตยทางพรมเเดนของยูเครน
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า ในบริบทของนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยรวม การส่งทหารอเมริกันร่วมรบ หากเกิดสงครามระหว่างรัสเซียเเละยูเครนจะทำให้สหรัฐฯเสี่ยงต่อการสูญเสีย ขณะที่ผลแห่งสงครามเป็นเรื่องคาดเดายาก
นอกจากนี้ อเมริกาเองต้องการให้ความสำคัญกับจีนเป็นอันดับต้นๆในเรื่องภัยความมั่นคง
ประธานาธิบดีไบเดนยังเผชิญเเรงกดดันจากนักการเมืองในสภาด้วยเช่นกัน
วุฒิสมาชิก เจมส์ อินโฮฟจากพรรครีพับลิกัน กล่าวหาไบเดนว่าพยายามประนีประนอมมากเกินไป แต่ส.ว.ผู้นี้มิได้สนับสนุนให้สหรัฐฯ ส่งทหารไปรบในยูเครน
ส่วน วุฒิสมาชิกจิม ไฮมส์ จากเดโมเเครตเรียกร้องให้สหรัฐฯส่งความช่วยเหลือด้านเครื่องมือทางทหารและผู้ฝึกอบรมไปยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ฟิลิป บรีดเลิฟ นายพลเกษียณอายุจากกองทัพอากาศอเมริกันที่ทำหน้าที่บัญชาการภายใต้กลุ่มนาโต้ระหว่างปีค.ศ.2013 ถึง 2016 กล่าวว่าสหรัฐฯ เเละพันธมิตรสามารถช่วยยูเครนในการป้องกันน่านฟ้าและน่านนำ้ได้ แต่ไม่ควรส่งหน่วยรบลงพื้นที่ในยูเครน
และในบทวิเคราะห์ของสถาบัน Center for Strategic and International Studies เมื่อวันที่ 13 มกราคม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “วิธีที่จะสกัดรัสเซียคือการขัดขวางมิให้ (รัสเซีย) ได้ชัยชนะอันรวดเร็ว และใช้การลงโทษทางเศรษฐกิจและการโดดเดี่ยวทางการเมือง เพื่อให้รัสเซียต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางการเมือง เศรษฐกิจและทางทหารที่สูงขึ้น”
ตามรายงานของเอพี บทวิเคราะห์ดังกล่าว เขียนโดยอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ ฟิลิป วาเซลิวสกี และนักรัฐศาสตร์ เซธ โจนส์
ปัจจุบันสหรัฐฯมีเจ้าหน้าที่อเมริกันประมาณ 200 คนในยูเครน โดยมาจากกองกำลัง National Guard ของสหรัฐฯ พวกเขามีหน้าที่อบรมและให้เเนะนำกองทัพยูเครน
นอกจากนั้น รัฐบาลอเมริกันกล่าวเมื่อวันพุธว่าจะให้ความช่วยเหลือเพื่อการป้องกันด้านกลาโหมเเก่ยูเครนเพิ่มเติมมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ และหากนับตั้งเเต่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา อเมริกาให้ความช่วยเหลือทางทหารเเก่ยูเครนไปแล้วมูลค่ารวม 2,500 ล้านดอลลาร์
ในบรรดาความช่วยเหลือเหล่านั้น ประกอบด้วยจรวดต่อต้านรถถัง และอุปกรณ์เรด้าร์
บทวิเคราะห์ของสถาบัน Center for Strategic and International Studies ระบุด้วยว่าหากรัสเซียบุกยูเครนจริง อเมริกาสามารถให้ความช่วยเหลือทางทหารเเก่ยูเครนเพิ่มเติมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และสามารถทำได้ในระยะยาว ทั้งในรูปแบบอาวุธและระบบก่อสงครามบนระบบอินเตอร์เน็ต
- ที่มา: เอพี