สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ บรรลุความร่วมมือเพิ่มขนาดและความถี่ของการซ้อมรบทางทหารร่วมกัน ตลอดจนขยายการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง เพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามจากการทดสอบขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ลี จอง-ซัพ แถลงข่าวร่วมกันในวันอังคาร ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยให้สัญญาว่า จะใช้การตอบโต้อย่างเด็ดขาดยิ่งขึ้นต่อการยั่วยุในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากกรุงเปียงยางในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
ระหว่างการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้านการทหารของเกาหลีใต้ รัฐมนตรีออสตินรับรองว่า "กองทัพสหรัฐฯ จะใช้ความสามารถทางการทหารอย่างเต็มกำลัง รวมถึงความสามารถในการต่อต้านขีปนาวุธ อาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธต่าง ๆ เพื่อปกป้องพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ"
รัฐมนตรีออสตินกล่าวว่า เกาหลีใต้จะได้รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรบไอพ่น เอฟ-22 และ เอฟ-35 และการลาดตระเวนของกองเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน
รัฐมนตรีกลาโหมของสองประเทศยังได้ยืนยันว่า จะเดินหน้าซ้อมรบรูปแบบใหม่ในเดือนหน้า รวมทั้งการเพิ่มการซ้อมและฝึกฝนร่วมกันด้วย
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทหารประจำการในเกาหลีใต้ราว 28,500 คน แต่พฤติกรรมของเกาหลีเหนือในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดความกังวลในรัฐบาลกรุงโซล และเมื่อต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดียูน ซุก-ยอล ได้ส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี หรือเกาหลีใต้อาจต้องเริ่มพัฒนาคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองขึ้นมาก็เป็นได้
รัฐมนตรีลี กล่าวว่า "หากเกาหลีเหนือตัดสินใจใช้ศักยภาพด้านนิวเคลียร์ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็มีศักยภาพเพียงพอตอบโต้การกระทำของเกาหลีเหนือ" พร้อมประกาศว่า กองทัพเกาหลีใต้มีความสามารถที่จะป้องกันการยั่วยุใด ๆ ก็ตามจากเกาหลีเหนือเช่นกัน
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ร่วมภายหลังการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศยังได้รับปากว่า จะทำงานร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อยกระดับและเปิดทางให้มีการแบ่งปันข้อมูลเตือนภัยขีปนาวุธ สืบเนื่องจากภัยคุกคามของกรุงเปียงยางด้วย
- ที่มา: วีโอเอ