ผู้นำเกาหลีใต้เปิดเผยในวันจันทร์ว่า จุดยืนของรัฐบาลกรุงโซลที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 จะต้องพึ่งพาการใช้พลังงานนิวเคลียร์ด้วย แม้ว่า รัฐบาลชุดก่อนของเกาหลีใต้พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานที่ว่าแล้วก็ตาม อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวเอพี
ประธานาธิบดียูน ซุก-ยอล ประกาศแนวทางด้านพลังงานของกรุงโซลต่อหน้า ชีค โมฮัมหมัด บิน ซาเยด อัล-นาห์ยาน แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอด โดยคำกล่าวนี้ยังเป็นการเน้นย้ำความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้ที่จะเดินหน้าพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ พร้อม ๆ กับการเร่งสรุปการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกในคาบสมุทรอาหรับ ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งรายได้อย่างงามในรูปของสัญญาการดูแลรักษาโรงงานดังกล่าวและโครงการใหม่ ๆ ในยูเออีในอนาคตด้วย
ปธน.ยูนกล่าวว่า “ด้วยโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บาราคาห์แห่งนี้ เราจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เหมือนดั่งเป็นพี่น้อง” และว่า “ความร่วมมือด้านโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่ครอบคลุมหลากประเด็น อาทิ ด้านกลาโหม ด้านสาธารณสุข ด้านบริการทางแพทย์ ด้านการเกษตรและด้านวัฒนธรรม เป็นต้น”
นอกจากนั้น ผู้นำเกาหลีใต้ยังย้ำด้วยว่า การที่สองประเทศร่วมมือกันในการพัฒนาพลังงานสะอาดจะไม่เป็นเพียงการส่งเสริมยกระดับความมั่นคงด้านพลังงานของทั้งคู่ แต่ยังจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของตลาดพลังงานโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จุดยืนของปธน.ยูนนั้นแตกต่างจากสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีมูน แจ-อิน พยายามผลักดันให้ประเทศหนีห่างออกจากพลังงานนิวเคลียร์ในช่วงที่เกิดเรื่องอื้อฉาวด้านความปลอดภัยและการรับสินบน รวมทั้งความกังวลที่เกิดขึ้นหลังกรณีเหตุภัยพิบัติโรงงานนิวเคลียร์ฟุกิชิมาในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 2011
ปธน.ยูนประกาศต่อที่ประชุม Abu Dhabi Sustainability Week ด้วยว่า เกาหลีใต้จะเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ 2050 เช่นเดียวกับยูเออี ที่ประกาศความตั้งใจแบบเดียวกัน แม้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป็นสิ่งที่สำเร็จได้ยาก แม้จะมีการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บาคาราห์ในพื้นที่ทะเลทรายที่ใกล้ ๆ กับซาอุดิอาระเบียแล้วก็ตาม
- ที่มา: เอพี