ฟิลิปปินส์เดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ด้วยการอนุญาตให้กองทัพอเมริกันเข้าถึงฐานที่ตั้งทางทหารของตนเพิ่มอีก 4 แห่ง ในช่วงที่ความกังวลเกี่ยวกับจีนซึ่งมีท่าทีก้าวร้าวและบีบบังคับมากขึ้นยกระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
ข้อตกลงใหม่นี้ที่เพิ่มจำนวนฐานทัพฟิลิปปินส์ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ จะเข้าถึงได้เป็น 9 แห่ง เกิดขึ้นขณะที่ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สรุปการเยือนกรุงมะนิลาอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน หลังร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่กองทัพและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูงหลายราย
แถลงการณ์ร่วมของฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ที่ได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพฤหัสบดีไม่ได้เปิดเผยที่ตั้งของฐานทัพอีก 4 แห่งภายใต้ข้อตกลงใหม่ แต่ระบุว่า จุดที่ตั้งดังกล่าว “จะเอื้อให้มีการนำส่งการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมและด้านภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในฟิลิปปินส์ได้รวดเร็วขึ้น และเอื้อให้มีการตอบโต้ความท้าทายร่วมอื่น ๆ ได้ด้วย”
การเยือนฟิลิปปินส์ของรมต.กลาโหมสหรัฐฯ และการบรรลุข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังทั้งสองฝ่ายร่วมหารือในระดับสูงกันมาเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันและเพื่อหาหนทางรับมือกับจีนซึ่งเดินหน้าปัดคำกล่าวอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทะเลจีนใต้ของฟิลิปปินส์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับความตึงเครียดในภูมิภาคทะเลจีนใต้โดยไม่ได้เอ่ยชื่อ ‘จีน’ ว่า อยู่ในภาวะ “ซับซ้อนมาก” และกล่าวว่า “มันเป็นอะไรที่เราสามารถนำพาตัวเราผ่านไปได้อย่างเหมาะสม ก็ด้วยความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนและพันธมิตรของเรา”
ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวระหว่างต้อนรับรมต.ออสติน ที่ทำเนียบประธานาธิบดีด้วยว่า “ดูเหมือนว่า อนาคตของฟิลิปปินส์ และของเอเชียแปซิฟิก...ก็ว่าได้ จะต้องข้องเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา เพียงเพราะความเป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนี้แข็งแกร่งมากและฝังรากอยู่ในจิตวิญญาณของเรามานาน”
รายงานข่าวระบุว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 ที่สองประเทศพันธมิตรลงนามในข้อตกลงยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหม สหรัฐฯ ทุ่มเงินราว 82 ล้านดอลลาร์ไปแล้วเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในฐานทัพ 5 แห่งของฟิลิปปินส์
และในระหว่างการเข้าพบกับ คาร์ลิโต กัลเวซ จูเนียร์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ รมต.ออสตินกล่าวว่า “ความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งและเราจะเดินหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์นี้ต่อไป”
รมต.กลาโหมสหรัฐฯ ยังตอบคำถามของ วีโอเอ ด้วยว่า “นี่คือโอกาสที่จะยกระดับประสิทธิภาพของเรา เพิ่มการทำงานร่วมกัน ... มันไม่ใช่การตั้งฐานถาวร แต่ก็เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ”
นอกจากนั้น รัฐมนตรีของทั้งสองยังยอมรับด้วยว่า ประเด็นพฤติกรรมของจีนนั้นเป็นเรื่องที่ต่างไม่สามารถเพิกเฉยใส่ได้ โดยรักษาการรมต.กัลเวซ กล่าวว่า “เราได้หารือแผนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม” และว่า “ความพยายามเหล่านี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ ขณะที่ สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงเดินหน้ากล่าวอ้าง(สิทธิ์)อย่างไม่ชอบธรรมในพื้นที่ทะเลฟิลิปปินส์ตะวันออก [จีนใต้] อยู่”
ทั้งนี้ นอกจากจะยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับฐานทัพที่ฟิลิปปินส์จะอนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าถึงเพิ่มได้แล้ว ในเวลานี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ ที่จะถูกส่งมาประจำการในแต่ละจุดด้วย
หลังจากที่มีการประกาศข้อตกลงของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จีนได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศในเอเชียแปซิฟิก "เฝ้าระวัง" บทบาทกองทัพสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เหมา หนิง กล่าวว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของ "แผนการที่เห็นแก่ตัว" และจะ "เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค และจะเป็นอันตรายต่อความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาค" อีกด้วย
- ที่มา: วีโอเอ และ เอพี