รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเอกสารยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งมาเกือบ 1 ปีเต็ม โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดจะอธิบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่ว่านี้ในวันจันทร์ที่กรุงวอชิงตัน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวว่า ยุทธศาสตร์นี้จะให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับอันตรายและความท้าทายที่อเมริกาต้องเจอในปัจจุบัน โดยจะนำผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ตามนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มาพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องการการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์การเมืองโลก
ทำเนียบขาวระบุว่า เอกสารฉบับนี้เป็นการสรุปใจความสำคัญต่างๆ ที่ ปธน.ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ทั้งในช่วงการหาเสียงและช่วงที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว โดยได้แยกออกเป็นเป้าหมายหลัก 4 ประการ คือ การปกป้องแผ่นดินสหรัฐฯ การปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ การรักษาสันติภาพ และการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก
สำหรับความท้าทายที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญนั้น เอกสารฉบับนี้ได้แยกออกเป็น 3 กลุ่ม
หนึ่ง คือ มหาอำนาจใหม่ของโลก เช่น จีน และรัสเซีย ที่กำลังพยายามจัดระเบียบโลกขึ้นมาใหม่ ทั้งทางการทหารและเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
สอง คือ ประเทศที่สหรัฐฯ เรียกว่า รัฐอันธพาล เช่น อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่พยายามจัดหาอาวุธอำนาจทำลายล้างสูง และสั่นคลอนความมั่นคงของโลก
สาม คือ ขบวนการก่อการร้าย และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ
ซึ่งยุทธศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐฯ จะเน้นการรับมือกับความท้าทายทั้งสามส่วนนี้บนเวทีโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่า เอกสารที่ทำเนียบขาวเปิดเผยออกมานี้ให้ภาพที่กว้างเกินไป และไม่มีการระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าจะใช้วิธีหรือมาตรการใดบ้างในการรับมือภัยคุกคามที่กล่าวมา อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะล้วนเป็นแนวทางที่สหรัฐฯ ใช้อยู่กับประเทศที่ถูกระบุอยู่ในรายงานชิ้นนี้
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนให้ความเห็นว่า การที่รัฐบาล ปธน.ทรัมป์ มุ่งเน้นปกปอ้งผลประโยชน์ของอเมริกามากเกินไปภายใต้นโยบาย America First หรือ อเมริกามาก่อน จะยิ่งทำให้สหรัฐฯ สร้างศัตรูมากกว่ามิตร และทำให้ไม่มีประเทศไหนที่ต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เพราะเกรงว่าจะถูกเอาเปรียบ ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้บทบาทของสหรัฐฯ อ่อนแอลงบนเวทีโลก
แต่ทางเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ยุทธศาสตร์นี้เป็นการเน้นย้ำพันธะกิจของสหรัฐฯ ที่มีกับประเทศพันธมิตร ในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับคู่แข่งของสหรัฐฯ บนเวทีโลก คือ จีนและรัสเซีย เช่นกัน