คณะผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังเดินหน้าสอบสวนกรณีการโจมตีทางไซเบอร์หลายสิบครั้งโดยเกาหลีเหนือที่เชื่อว่า ช่วยกรุงเปียงยางหาเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ที่น่าจะนำไปใช้ผลักดันโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตน ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างอิงข้อมูลจากรายงานที่ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ของยูเอ็น
คณะสังเกตการณ์อิสระดังกล่าวส่งรายงานให้กับคณะกรรมาธิการคณะมนตรีความมั่นคงที่ระบุว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี [ชื่อทางการของเกาหลีเหนือ] ยังคงเดินหน้าเย้ยหยันมาตรการลงโทษของคณะมนตรีความมั่นคงต่อไป” และว่า “[เกาหลีเหนือ]ยังคงทำการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และวัสดุนิวเคลียร์ฟิชไซล์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า จะทราบกันเพียงว่า การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ก็ตาม”
สมาชิก 15 ประเทศของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสั่งห้ามเกาหลีเหนือไม่ให้ทำการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธวิถีโค้งมานานแล้ว และถูกดำเนินมาตรการลงโทษโดยยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2006 ทั้งยังมีการค่อย ๆ ยกระดับการลงโทษและตัดช่องทางหาเงินมาใช้พัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงมาตลอดด้วย
รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า “คณะทำงานได้สอบสวนการโจมตีทางไซเบอร์ที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือจำนวน 58 ครั้งเข้าใส่บริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับสกุลเงินคริปโต และเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2017 และ 2023 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์
รอยเตอร์ติดต่อไปยังคณะผู้แทนเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กเพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
ทั้งนี้ กรุงเปียงยางเคยปฏิเสธคำกล่าวหาว่า ตนทำการแฮ็คระบบหรือทำการโจมตีทางไซเบอร์มาก่อนแล้ว
รายงานยูเอ็นฉบับนี้มีกำหนดเผยแพร่ต่อสาธารณะในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมเป็นอย่างเร็ว ตามการเปิดเผยของนักการทูตที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น