คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้มีการยกระดับศักยภาพของกองทัพเรือ ด้วยเหตุผลว่า น่านน้ำของประเทศถูกล้อมรอบไปด้วย “อันตรายจากสงครามนิวเคลียร์” ตามรายงานของสื่อรัฐบาลกรุงเปียงยาง ขณะที่ เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เดินหน้าการร่วมซ้อมรบทางทะเลกันอยู่
สื่อ Korean Central News Agency (KCNA) รายงานด้วยว่า คิม จอง อึน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความร่วมมือระหว่าง 3 ชาติของ “เหล่าหัวหน้าแก๊ง” และระบุว่า ผู้นำทั้งสามประเทศเพิ่ง “ปิดประตูหมกตัวอยู่กันเอง” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งน่าจะเป็นการพูดถึงการประชุมที่เกิดขึ้นที่แคมป์เดวิดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ และประธานาธิบดียูน ซุก ยอล
คิม ยังกล่าวหาว่า กรุงวอชิงตันตกอยู่ใน “ภาวะบ้าคลั่งกว่าแต่ก่อน” โดยอ้างถึงการนำทีมร่วมซ้อมรบทางทะเลและการส่งอาวุธนิวเคลียร์ด้านกลยุทธ์มากระจายตามน่านน้ำรอบ ๆ คาบสมุทรเกาหลีเป็นการถาวร
ทั้งนี้ ผู้นำกรุงเปียงยางยอมรับว่า กองทัพเรือของประเทศนั้นไม่ได้มีสรรพกำลังและอาวุธสำหรับการรบที่ทันสมัยมากพอ และสัญญาว่า กองทัพเรือจะได้รับอาวุธใหม่ ๆ ภายใต้นโยบายของเกาหลีเหนือว่าด้วย “การขยายปฏิบัติการอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี” และระบุว่า กองทัพเรือของเกาหลีเหนือจะกลายมาเป็น “องค์ประกอบหนึ่งของแผนการป้องปรามนิวเคลียร์ของประเทศ” ด้วย
รายงานเกี่ยวกับท่าทีล่าสุดของผู้นำเกาหลีเหนือมีออกมา พร้อม ๆ กับการที่หนังสือพิมพ์ โรดง ซินมุน ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เผยแพร่ภาพของคิมและลูกสาวคนเล็ก ขณะเยี่ยมชมศูนย์บัญชาการกองทัพเรือและร่วมถ่ายภาพกับเจ้าหน้าที่กองทัพหลายราย
ขณะเดียวกัน ชอง ซอง-ชัง นักวิจัยจากสถาบันเซจง บอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี ว่า “เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางทหาร และตัดสินใจทำการซ้อมรบร่วมกันเป็นประจำ … ดังนั้น เกาหลีเหนืออาจรู้สึกร้อนใจว่าจะต้องเสริมความเข้มแข็งของกองทัพเรือของตนบ้าง”
ชอง กล่าวเสริมด้วยว่า รายงานข่าวกรองบางสายเปิดเผยว่า รัสเซียและเกาหลีเหนือได้มีการพูดคุยประเด็นการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันแล้วด้วย
- ที่มา: เอเอฟพี