กองทัพอากาศยูเครนรายงานในวันอังคารว่า สามารถทำลายโดรนของรัสเซียได้ 29 ลำ และขีปนาวุธร่อน 1 ลูกที่รัสเซียใช้โจมตีใส่หลายดินแดนของยูเครนในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา
กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า โดรนส่วนใหญ่ถูกส่งมาโจมตีในเขตปกครองมีโคลาอิฟทางภาคใต้ของยูเครน และเขตปกครองดนิโปรเปตรอฟสก์ในแถบกลางประเทศ
เซอร์ฮีย์ ลีย์แซก ผู้ว่าการเขตปกครองดนิโปรเปตรอฟสก์ กล่าวว่า ชิ้นส่วนโดรนที่ถูกยิงตกลงมาทำลายโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองพาฟโลแรด และก่อไฟไหม้อาคารแห่งหนึ่งในเมืองดนิโปร
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน สหภาพยุโรป หรือ อียู ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครนระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีของอียูที่กรุงเคียฟ ร่วมกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี หลังจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ เพิ่งผ่านร่างงบประมาณระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยที่ไม่มีงบประมาณความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนรวมอยู่ด้วย
ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวระหว่างการประชุมว่า "ชัยชนะของเราขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่าย ยิ่งเราร่วมมือกันอย่างทรงพลังกว่าเดิมมากเท่าไร สงครามนี้ก็จะยิ่งสิ้นสุดลงเร็วขึ้นเท่านั้น" พร้อมเน้นย้ำว่า ยูเครนต้องการเงินทุน อาวุธ และการฝึกฝนทหารมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปลดปล่อยดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองไปกลับคืนมา และยังขอให้ชาติพันธมิตรเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียด้วย
แอนนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เรียกร้องให้มีการเตรียมความพร้อมให้แก่ยูเครนสำหรับฤดูหนาวที่กำลังมาถึง รวมทั้งการป้องกันตนเองทางอากาศและการจัดหาพลังงานที่เพียงพอ หลังจากที่โครงสร้างด้านพลังงานของยูเครนถูกรัสเซียโจมตีทำลายไปเป็นจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา
"ฤดูหนาวปีที่แล้ว เราได้เห็นความโหดร้ายที่ประธานาธิบดีรัสเซียนำมาใช้ในสงครามครั้งนี้" และว่า "เราต้องป้องกันเหตุการณ์นี้ร่วมกันด้วยทุกอย่างที่เรามีและเท่าที่จะเป็นไปได้" รัฐมนตรีแบร์บ็อกกล่าว
ด้าน แคทเธอลีน โคลอนนา รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า การประชุมที่กรุงเคียฟครั้งนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการสนับสนุนยูเครน "และเป็นการส่งข้อความไปถึงรัสเซียว่า ไม่ต้องคิดว่าเราจะเหนื่อยล้า เพราะเราจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน" รัฐมนตรีโคลอนนากล่าว
คาร์คิฟผุดแผนย้ายโรงเรียนลงใต้ดิน
ทางการเมืองคาร์คิฟทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย ประกาศแผนสร้างโรงเรียนใต้ดินเพื่อรับมือการโจมตีด้วยระเบิดและขีปนาวุธของรัสเซีย
ที่ผ่านมา นักเรียนที่เมืองนี้ใช้วิธีเรียนหนังสือออนไลน์ในช่วงที่เกิดสงคราม หรือรวมกลุ่มกันที่สถานีรถไฟใต้ดินหากจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการโจมตี
อย่างไรก็ตาม อิฮอร์ เทเรคอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ ระบุทางสื่อเทเลแกรมว่า การสร้าง "โรงเรียนใต้ดิน" จะช่วยให้เด็กหลายพันคนในคาร์คิฟสามารถเรียนหนังสือแบบพบกันจริง ๆ กับเพื่อนร่วมห้องและคุณครูได้แม้ในช่วงที่เกิดภัยคุกคามจากขีปนาวุธ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาของเด็กเหล่านั้น
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์