รายงานล่าสุดโดยคณะกรรมาธิการสอบสวนของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์ในยูเครนแสดงให้เห็นว่า มีการค้นพบหลักฐานเพิ่มขึ้นมากมายเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมสงครามและอาจรวมถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยรัสเซียที่ยังเดินหน้าทำสงครามรุกรานยูเครนอยู่
รายงานดังกล่าวที่ถูกนำเสนอต่อสภายูเอ็นว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในวันจันทร์ ยังเปิดเผยภาพของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำผิดต่อประชากรที่เป็นพลเรือนรวมทั้งการใช้ความโหดร้ายป่าเถื่อนด้วยการทำลายเป็นวงกว้างต่อโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชน
เอริก โมส ประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวระบุว่า “คณะกรรมาธิการมีความกังวลเกี่ยวกับหลักฐานที่ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามที่กระทำโดยกองกำลังติดอาวุธรัสเซียในยูเครน” และว่า “ในปีที่สองของความขัดแย้งของสงครามนี้ ประชาชนในยูเครนยังคงต้องรับมือกับการสูญเสียและการบาดเจ็บของบุคคลอันเป็นที่รัก ความเสียหายเป็นวงกว้าง ความทนทุกข์ทรมานและการบาดเจ็บ รวมทั้งความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ ... คนนับพันถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ และคนนับล้านยังคงเป็นคนพลัดถิ่นทั้งในและนอกประเทศต่อไป”
ทั้งนี้ รัสเซียทำการคว่ำบาตรกระบวนการตรวจสอบนี้และไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมรับฟังและโต้ตอบการฟ้องร้องต่าง ๆ โดยก่อนหน้านั้น ก็ได้ปฏิเสธมาเสมอว่า ฝ่ายตนทำการพุ่งเป้าโจมตีต่อพลเรือน
ข้อมูลตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า มีพลเมืองในยูเครนเสียชีวิตไป 9,614 คน และได้รับบาดเจ็บ 17,535 คน นับตั้งแต่รัสเซียทำการรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 พร้อมระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
สถิติจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แสดงให้เห็นว่า มีประชาชนราว 5.1 ล้านคนกลายเป็นคนพลัดถิ่นภายในยูเครนและมีอีก 6,197,200 คนที่ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
นับตั้งมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเมื่อเดือนมีนาคมปี 2022 ทีมงานนี้ที่มีสมาชิก 3 คนได้เดินทางไปยูเครนแล้วกว่า 10 ครั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นและ “รับฟังคำให้การที่ทรมานจิตใจ” จากเหยื่อและพยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลาย
คณะกรรมการชุดนี้ยังได้เก็บบันทึกเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธระเบิดร้ายแรงเข้าใส่อาคารที่พักอาศัยของพลเรือน สถานีรถไฟ คลังสินค้าพาณิชย์ จุดให้บริการทางการแพทย์และบริการสำคัญต่าง ๆ มากมายที่ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของการขนส่งหรือการให้บริการเหล่านี้แก่ประชาชนในยูเครนด้วย โดย เอริก โมส กล่าวว่า “ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะมีกองทัพทหารในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหรือแม้แต่บริเวณใกล้เคียงเลย”
นอกจากนั้น การตรวจสอบในเขตปกครองเคอร์ซอนและซาปอริซห์เชียซึ่งถูกรัสเซียควบคุมอยู่เป็นเวลานานยังพบหลักฐานเกี่ยวกับการทำทรมานโดยฝ่ายกองทัพรัสเซีย ซึ่งเหยื่อหลัก ๆ ก็คือ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายข่าวให้กับกองทัพยูเครน
คณะกรรมการสอบสวนของยูเอ็นยังระบุว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก ๆ ของยูเครนด้วย และทางทีมงานจะเดินหน้าสืบสวนเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่มีการกล่าวอ้างว่า เป็นการที่รัสเซียเคลื่อนย้ายผู้เยาว์โดยปราศจากผู้ใหญ่ไปยังรัสเซีย และโมสระบุว่า “เด็ก ๆ ชาวยูเครนถูกถอดสัญชาติความเป็นชาวยูเครนและนำส่งไปให้ครอบครัวชาวรัสเซียอุปการะ ... มันคืออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่สามารถนำไปสู่อาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ปี 1948” ด้วย
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น