ธนาคารยูบีเอส (UBS) สถาบันการเงินใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ที่กำลังประสบปัญหาการเงิน ด้วยวงเงิน 3,250 ล้านดอลลาร์ หลังการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อหาทางป้องกันวิกฤตการธนาคารระหว่างประเทศ
รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและการเงินไม่ให้ลุกลามไปทั่วประเทศและขยายไปยังประเทศอื่น
ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และยุโรป ต่างปรับตัวสูงขึ้นทันทีในการซื้อขายช่วงเปิดตลาดในวันจันทร์ หลังจากเผชิญความผันผวนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการล้มลงของธนาคารขนาดใหญ่สองแห่งของสหรัฐฯ คือ ธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ และธนาคารซิกเนเจอร์
ประธานาธิบดีสวิส อลาน เบอร์เซ็ต แถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ร่วมกับ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของยูบีเอส และเครดิตสวิส ร่วมด้วยรัฐมนตรีการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า "การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คือหนทางที่ดีที่สุดในการฟื้นความมั่นใจที่สูญหายไปในตลาดการเงิน"
และว่า "หากเครดิตสวิสล้มลง จะส่งผลกระทบที่ไม่สามารถคาดคำนวณได้ต่อประเทศและเสถียรภาพทางการเงินของโลก"
แถลงการณ์ของเครดิตสวิสยืนยันว่า ยูบีเอสจะเข้าซื้อกิจการด้วยวงเงิน 3,250 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าการตลาดของธนาคารที่อยู่ประมาณ 8,700 ล้านดอลลาร์หลังปิดตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในเอเชียขานรับข่าวนี้ไม่ดีนัก เมื่อดัชนีต่าง ๆ ในฮ่องกง โตเกียว ซิดนีย์ โซล และสิงคโปร์ ต่างปรับตัวลดลงเมื่อปิดตลาดในวันจันทร์ เนื่องจากสถานการณ์ที่ผันผวนไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก
ผู้นำสถาบันการเงินโลกแสดงความยินดี
คริสทีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า การตัดสินใจของรัฐบาลสวิสคือเครื่องมือสำคัญในการรักษาสถานการณ์ของตลาดการเงินโลก และรับรองเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมยืนยันว่า ภาคการธนาคารของยุโรปยังคงเข้มแข็งทั้งในด้านเงินทุนและสัดส่วนหนี้
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และ แจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เรายินดีต่อคำประกาศของทางการสวิสในวันนี้เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางการเงิน" ขณะที่รัฐมนตรีการคลังอังกฤษ เจเรมี ฮันท์ แสดงความยินดีเช่นกัน
ทั้งระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางของแคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์ ต่างประกาศความร่วมมือเพื่อสนับสนุนทางการเงินต่อธนาคารยูบีเอสหลังการควบรวมกิจการครั้งนี้
- ที่มา: เอเอฟพี