ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ตกลงอัดฉีดเงินฝาก 30,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ธนาคารเฟิร์สท รีพับลิค (First Republic Bank) เพื่อช่วยพยุงสถานะการเงิน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันพฤหัสบดี
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ธนาคาร 11 แห่งของสหรัฐฯ รวมทั้ง เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase), ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup Inc), แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America Corp) และ เวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo & Co) ได้ตกลงอัดฉีดเงินฝากให้แก่ธนาคาร First Republic ที่กำลังประสบปัญหาการเงินหลังจากราคาหุ้นร่วงลงไปถึง 70%
มูลค่าเงินที่อัดฉีดให้ครั้งนี้อยู่ที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ โดยแผนนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางการสหรัฐฯ
การล้มลงของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ หรือ SVB (Silicon Valley Bank) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายในระบบธนาคารของสหรัฐฯ และตลาดการเงินโลก ส่งผลให้ธนาคารหลายแห่งล้มตามมา รวมทั้ง ธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) สถาบันการเงินรายใหญ่อันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์
ในวันพฤหัสบดี เครดิตสวิสได้ตกลงที่จะกู้เงิน 54,000 ล้านดอลลาร์จากธนาคารแห่งชาติสวิส เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและฟื้นความมั่นใจของนักลงทุน ถือเป็นธนาคารใหญ่ระดับโลกแห่งแรกในรอบ 15 ปีที่ต้องเสริมสภาพคล่องฉุกเฉินหลังจากเกิดวิกฤติการเงินทั่วโลกเมื่อปี 2008 ท่ามกลางความกังวลว่า นโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ นำมาใช้ในตอนนี้อาจส่งผลเสียต่อระบบการเงินโลกได้
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB (European Central Bank) ยังคงประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% พร้อมแสดงความมั่นใจว่ามีเครื่องมือทางการเงินเพียงพอที่สนับสนุนสภาพคล่องของตลาดการเงินยุโรปหากจำเป็น
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของเครดิตสวิสปิดสูงขึ้น 19% ในวันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงไป 25% เมื่อวันพุธ โดยมูลค่าการตลาดของเครดิตสวิสเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 91,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007 ก่อนที่จะลดลงมาถึง 90% อยู่ที่ระดับ 8,660 ล้านดอลลาร์ในขณะนี้
ด้านรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า ระบบธนาคารของสหรัฐฯ ยังคงเข้มแข็ง เนื่องจากการใช้มาตรการที่เด็ดขาดหลังการล้มลงของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ เพื่อรับประกันว่าผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารที่ล้มจะได้รับการปกป้องจากบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ FDIC แม้จะมีวงเงินมากกว่า 250,000 ดอลลาร์
ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตามองการตัดสินใจของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.5% เหมือนที่เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อนเนื่องจากความวุ่นวายทางการเงินที่เกิดขึ้น
- ที่มา: รอยเตอร์