บริษัท เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) เจ้าของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ที่ประสบปัญหาการเงินจนถูกสั่งปิดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ได้ยื่นขอล้มละลายต่อศาลเพื่อขอสิทธิปกป้องทางการเงินและเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
การตัดสนิใจล่าสุดของบริษัทเอสวีบีมีขึ้นในขณะที่มาตรการฉุกเฉินของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่มีต่อความวุ่นวายทางการเงินในสหรัฐฯ ยังใช้ไม่ได้ผลจนถึงตอนนี้ ขณะที่ราคาหุ้นของธนาคารขนาดใหญ่ต่าง ๆ ปรับลดลง 1.5% - 3% ในวันศุกร์
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ และธนาคารซิกเนเจอร์ ล้มลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มูลค่าหุ้นของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ได้สูญหายไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ และแต่งตั้งให้บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง หรือ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) ทำหน้าที่ดูแลสินทรัพย์ของธนาคารดังกล่าว
เอสวีบีถูกกดดันให้ขายสินทรัพย์การเงินบางส่วนให้แก่ธนาคารโกลด์แมนแซคส์ ในราคาขาดทุน 1,800 ล้านดอลลาร์หลังจากที่ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น ทางธนาคารจึงพยายามอุดช่องโหว่นั้นด้วยการเพิ่มทุนอีก 2,250 ล้านดอลลาร์
แต่ลูกค้าของธนาคารเกิดความหลาดกลัวและไม่เชื่อมั่นจนทะยอยถอนเงินออกจากธนาคารเป็นมูลค่าสูงถึง 42,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงวันเดียว
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ บริษัทเอสวีบีประกาศแผนสำรวจทางเลือกสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัท ซึ่งรวมถึง เอสวีบี แคปิตอล (SVB Capital) และ เอสวีบี ซีเคียวริตีส์ (SVB Securities) โดยทั้งสองบริษัทนี้ไม่รวมอยู่ในคำร้องขอล้มละลายที่ยื่นไป
ทางบริษัทเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เปิดเผยในวันศุกร์ด้วยว่า ทางบริษัทมีหนี้ราว 2,200 ล้านดอลลาร์ และมีสินทรัพย์ทั้งหมด 209,000 ล้านดอลลาร์จนถึงสิ้นปีที่แล้ว
- ที่มา: รอยเตอร์