ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และพระราชินีเอลิซาเบ็ธแห่งอังกฤษ พร้อมด้วยผู้นำจากประเทศในยุโรปหลายประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรี เธเรซ่า เมย์ และประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง เดินทางไปร่วมในพิธีรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 75 ปีวันดี-เดย์ หรือวันที่ทหารพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดีในฝรั่งเศส เพื่อบุกโจมตีทหารนาซีเยอรมัน จนนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
พิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่เมืองพอร์ทสมัธ ทางใต้ของอังกฤษ ซึ่งมีอดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สองเข้าร่วมราว 300 คน ทั้งหมดมีอายุระหว่าง 90 - 100 ปี
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อผู้ร่วมงาน โดยได้นำคำพูดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ แฟรงคลิน รูสเวลท์ ที่กล่าวไว้ทางวิทยุในวันดีเดย์ มากล่าวซ้ำอีกครั้ง ใจความว่า
"ศัตรูของเราแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาอาจจะทำให้กองทัพของเราต้องถอยร่น แต่เราจะโต้กลับไปทุกครั้ง เรารู้ดีว่าด้วยความดีงามและความถูกต้อง ในที่สุดทหารของเราจะได้รับชัยชนะ"
ทางด้านพระราชินีเอลิซาเบ็ธตรัสว่า ความกล้าหาญ ความเสียสละเยี่ยงวีรบุรษของเหล่าทหารผู้สละชีวิตในสงครามครั้งนั้น จะเป็นที่จดจำตลอดไป
ส่วนนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นางอังเกลา เมอร์เคิล ซึ่งเข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย กล่าวว่า การที่เธอได้มีโอกาสมายืนที่นี่ในวันนี้ คือ "ของขวัญแห่งประวัติศาสตร์" และว่า ปฏิบัติการทางทหารในวันดีเดย์ คือสิ่งที่ทำให้พวกเราเป็นอิสระจากกองทัพนาซี และนำไปสู่การปรองดองของยุโรป และการจัดระเบียบโลกใหม่หลังสงคราม
พิธีครบรอบ 75 ปีวันดีเดย์ในครั้งนี้ยังมีการจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงการนำเครื่องบินทั้งรุ่นเก่าแลบะรุ่นใหม่มาบินโชว์เหนือท้องฟ้าเมืองพอร์ทสมัธด้วย
ต่อจากพิธีในอังกฤษ ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางต่อไปยังไอร์แลนด์เพื่อพบหารือกับนายกรัฐมนตรี ลีโอ วาราดการ์ โดยคาดว่าประเด็นสำคัญคือเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป