ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'ทรัมป์' เริ่มเยือนอังกฤษท่ามกลางกระแสต่อต้านและการต้อนรับยิ่งใหญ่


Britain's Queen Elizabeth II (2L), U.S. President Donald Trump (L), First Lady Melania Trump (C), Britain's Prince Charles, Prince of Wales (2R) and Britain's Camilla, Duchess of Cornwall pose for a photograph ahead of a State Banquet at Buckingham Palace, June 3, 2019.
Britain's Queen Elizabeth II (2L), U.S. President Donald Trump (L), First Lady Melania Trump (C), Britain's Prince Charles, Prince of Wales (2R) and Britain's Camilla, Duchess of Cornwall pose for a photograph ahead of a State Banquet at Buckingham Palace, June 3, 2019.
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:44 0:00

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และภริยา นางเมเลเนีย ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษในวันจันทร์ และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ซึ่งรวมถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธีที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม

ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มการเยือนอังกฤษวันแรกเมื่อเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Marine One ลงจอดที่สวนของพระราชวังบัคกิ้งแฮม พร้อมกับพิธีต้อนรับด้วยการยิงปืนสลุต 41 ครั้ง และเดินตรวจแถวองครักษ์หลวง หรือ Royal Guard of Honor

จากนั้น ปธน.ทรัมป์ และภริยา ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ต่อด้วยการเดินชมบริเวณภายในพระราชวัง แล้วเดินทางไปยังวิหารเวสต์มินสเตอร์ ที่ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ร่วมวางพวงหรีดที่หลุมฝังศพของนักรบนิรนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 75 ปีวันดี-เดย์ หรือวันที่ทหารพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดีในฝรั่งเศส เพื่อบุกโจมตีทหารนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ในช่วงค่ำวันจันทร์ พระราชินีเอลิซาเบ็ธทรงเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธีให้แก่ผู้นำสหรัฐฯ และภริยา โดยมีสมาชิกราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษเข้ารว่ม

โดย ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวปราศรัยในงานเลี้ยงครั้งนี้ ยกย่องความสัมพันธ์อันยาวนานของสองประเทศ

ขณะที่พระราชินีิเอลิซาเบ็ธทรงปราศรัยถึงความสำคัญของวันดีเดย์ ที่ส่งผลต่อความร่วมมือของอังกฤษกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปัจจุบัน

ชนวนความขุ่นเคืองก่อนเยือนอังกฤษ

ก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนกรุงลอนดอนอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้จุดชนวนให้เกิดความขุ่นเคืองในหมู่ชาวอังกฤษบางส่วน หลังจากที่ได้ให้สัมภาษณ์ในทำนองสนับสนุนนายบอริส จอห์นสัน อย่างเปิดเผย เพื่อให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษแทน เธเรซ่า เมย์ ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 7 มิ.ย.นี้

นอกจากนั้น ยังแสดงท่าทีสนับสนุน ไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรค Brexit ให้เป็นผู้นำการเจรจาเพื่อแยกอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปให้ลุล่วงโดยเร็ว และบอกด้วยว่า ตนอาจพบหารือกับนายจอห์นสันและนายฟาราจระหว่างการเยือนอังกฤษครั้งนี้

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่ ปธน.ทรัมป์ แสดงท่าทีสนับสนุนนายจอห์นสันและนายฟาราจ ผู้ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ถือเป็นการกระทำผิดธรรมเนียมทางการทูตระหว่างประเทศ หรืออาจเข้าข่ายแทรกแซงการเมืองภายในของประเทศอื่นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อังกฤษกำลังเกิดความวุ่นวายในประเด็นเรื่อง Brexit เช่นนี้

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจชี้ว่าทัศนคติของคนอังกฤษที่มีต่อ ปธน.ทรัมป์ ตกลงอย่างมาก หลังจากที่ทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยที่ไม่ต้องมีข้อตกลงล่วงหน้า

"คนขี้แพ้" และ "น่ารังเกียจ"

นอกจากจะถูกวิจารณ์เรื่องแทรกแซง Brexit แล้ว ปธน.ทรัมป์ ยังถูกตำหนิเรื่องที่ทวีตเรียกนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซาดี๊ค ข่าน ว่า "คนขี้แพ้" ซึ่งทำตัว "น่ารังเกียจ" ต่อประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ถือเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดของอังกฤษ

ก่อนหน้านี้ ข่านได้เขียนบทความแสดงความเห็นว่า ปธน.ทรัมป์ คือ "ภัยคุกคามของโลก" และการต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะแขกของรัฐครั้งนี้ ไม่ใช่ลักษณะที่ชาวอังกฤษควรจะเป็น

ข่านยังได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ด้วยว่า ในฐานะพันธมิตร รัฐบาลอังกฤษควรกล้าบอกกับผู้นำสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมาถึงสิ่งที่อังกฤษเห็นขัดแย้งกับทรัมป์

Mayor of London Sadiq Khan speaks at the the British Chamber of Commerce annual conference in London, March 28, 2019.
Mayor of London Sadiq Khan speaks at the the British Chamber of Commerce annual conference in London, March 28, 2019.

นอกจากการปะทะทางคารมดังกล่าวแล้ว นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนผู้นี้ยังอนุญาตให้มีการปล่อยบอลลูนยักษ์ "ทรัมป์ เบบี้" ซึ่งเป็นรูปล้อเลียน ปธน.ทรัมป์ กำลังทำท่าโกรธและถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ให้ลอยเหนือท้องฟ้ากรุงลอนดอนในวันอังคารนี้ได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงการเยือนอังกฤษของ ปธน.ทรัมป์ ครั้งนี้

ต่อจากอังกฤษ ทรัมป์จะเดินทางต่อไปจากฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ เพื่อร่วมแสดงความรำลึกถึงวันดีเดย์ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี

XS
SM
MD
LG