รัฐสภาไทยลงมติเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ท่ามกลางการจับตามองของต่างชาติต่อความวุ่นวายทางการเมืองของไทยในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้ง
นายเศรษฐา นักธุรกิจวัย 60 ปี ได้รับเสียงโหวตรวมกัน 482 เสียงจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ทำให้มีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง (374 เสียง) และจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่
การลงมติรับรองนายเศรษฐาครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดภาวะชะงักงันในการเมืองไทยมาตั้งแต่จบการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม เมื่อพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพราะถูกสกัดโดยสมาชิกวุฒิสภาที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร ทำให้พรรคเพื่อไทยก้าวขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาลแทนด้วยการจับมือกับพรรคการเมืองที่มีความเชื่อมโยงกับทหารและรัฐบาลชุดก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายเศรษฐากล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สำนักงานใหญ่ของพรรคเพื่อไทยท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้สนับสนุน โดยระบุว่า ตนจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และจะทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน
และภายหลังการลงมติรับรองนายเศรษฐาผ่านพ้นไป รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย และระบุว่า สหรัฐฯ เฝ้ารอที่จะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของไทยเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความเป็นพันธมิตรที่ยืนยาวระหว่างทั้งสองประเทศต่อไปด้วย
การลงมติของรัฐสภาเพื่อรับรองนายเศรษฐาเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เดินทางถึงประเทศไทยที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในวันอังคาร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเต็มขั้น ขณะที่กองทัพสื่อไทยและเทศเกาะติดการกลับไทยครั้งนี้ของเขาอย่างคึกคัก
นายทักษิณที่ถูกโค่นอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 ต้องคดีในข้อหาคอร์รัปชั่น โดยในวันนี้เขาเริ่มเข้ากระบวนการยุติธรรมโดยทันทีหลังเดินทางถึงไทย
นายทักษิณถูกควบคุมตัวขึ้นขบวนรถตำรวจ และเดินทางถึงศาลฎีกาเพื่อรับฟังคำพิพากษาคดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ คดีหวยบนดิน และคดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป ซึ่งมีโทษจำคุกรวม 8-10 ปี ก่อนถูกควบคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ในบทสัมภาษณ์กับสื่อบีบีซีไทย เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายทักษิณกล่าวว่าตนเชื่อว่านายเศรษฐา จะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.และสว. มากเพียงพอต่อการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป อย่างไรก็ตาม นายทักษิณปฏิเสธว่ากำหนดการเดินทางกลับประเทศของเขาครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการดังกล่าวของรัฐสภา
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก ไนกี้ ชิง ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวของ วีโอเอ และรอยเตอร์
